
5 เทคนิค การพัฒนาผู้นำในตนเอง
5 Techniques for Effective Self-Leadership
เป็นเรื่องพื้นฐานของคนทุกคนที่ต้องการความสำเร็จ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าความสำเร็จมีความแตกต่างกันออกไป เช่นคนบางคน ต้องการความร่ำรวย บางคนต้องการมีบ้าน บางคนต้องการมีครอบครัวที่อบอุ่น ความรู้สึกเช่นนี้เกิดกับทุกคน แต่ในความจริงจะมีคนกี่คนที่ทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้ จากการวิจัยค้นพบว่า ความสำเร็จของคนจะมาจากความเพียรพยายาม ซึ่งการรักษาทำให้ตนเองมีความเพียรพยายาม ไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ความเป็นผู้นำในตนเอง หรือ Self-Leadership เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้พนักงานสามารถแสดงความรู้ ทักษะ ความสามารถ ความหลงใหล และค่านิยมอื่น ๆ ทั้งหมดของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีโอกาสในการพัฒนาความสำเร็จให้ตนเอง ซึ่งความเป็นผู้นำในตนเอง หรือ Self-Leadership จะทำให้คนทุกคนสามารถที่จะทุ่มเทเพื่อควบคุมตนเองให้เป็นไปในอวทางที่ตนเองอยากได้ และ อยากเป็น เพื่อประเมินว่าพนักงานมีความเป็นผู้นำในตนเองได้ดีเพียงใด ทดลองตั้งงคำถามว่า “การทำงานของตนเองในแต่ละวันสอดคล้องกับเป้าหมายที่อยากได้ในแต่ละวันหรือไม่ หรือสิ่งที่ทำลงไปช่วยให้ก้าวหน้าไปสู่จุดหมายที่วางไว้หรือไม่”
ข้อดีของการสร้างตนเองให้มีความเป็นผู้นำในตนเอง หรือ Self-Leadership คือการดำรงตนให้เป็นต้นแบบให้คนอื่น ๆ ในองค์กรเดินตาม เพราะเมื่อไรก็ตามที่องค์กรมีพนักงานที่มีคุณภาพผลที่ตามมาคือการช่วยเหลือกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้ทุกคนมีความสามารถ และร่วมกันนำพาองค์กรประสบความสำเร็จ การสร้างพนักงานให้เป็นพนักงานต้นแบบให้พนักงานคนอื่นในองค์กร คือการเป็น Role Models ที่ดี และเมื่อพนักงานคนอื่น ๆ มองเห็นและทำตาม ก็จะทำให้ประหยัดเวลาในการลงทุน ประหยัดเวลา เพื่อสร้างให้องค์กรประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จของพนักงานในปัจจุบันมีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะการทำงานที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้คนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมีความสัมพันธ์ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ทำให้เส้นทางของความ สำเร็จของแต่ละบุคคลมีความเบี่ยงเบนหรือไม่แน่นอน เพราะมีตัวแปรแทรกอยู่ในขณะเส้นทางของการสร้างความมสำเร็จให้ตนเอง แต่พนักงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จะมีพื้นฐานของพฤติกรรมการเป็นผู้นำในตนเอง Self-Leadership ที่ช่วยให้ตนเองสามารถแสดงความตระหนักรู้ในตนเอง ความฉลาดทางอารมณ์ การอยู่ร่วมกัน การมีสติ ความเห็นอกเห็นใจ ความฉลาดทางสังคม และความคล่องตัวในการเรียนรู้ในสถานการณ์ที่ท้าทายและซับซ้อน สำหรับข้อดีของการมีภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership จะได้รับประโยชน์อีกมากมาย เช่น ทำงานได้สูงขึ้นในงานที่มีขอบเขตกว้าง มีความท้าทายที่เพิ่มขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างบุคคล ควบคุมสถานการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนต่อกระแสสังคมได้ดีขึ้น
การพัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership นั้นมีความซับซ้อน เพราะต้องทำให้กระบวนการของจิตใจ ให้มีความสัมพันธ์กับกายภาพ หมายความว่าใจต้องพร้อม กายต้องได้ กระบวนการในการพัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership ต้องมีการทำเป็นกระบวนการ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน การพัฒนาผู้นำในตนเอง ที่สำคัญ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1. การตั้งเป้าหมาย:
สาเหตุหลัก ๆ ของคนหลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานเพราะคนส่วนใหญ่ที่ไม่บรรลุเป้าหมายเพราะเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมาย หรืเป้าหมายในการดำเนินชีวิตไม่ชัดเจน สิ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับผู้นำตนเอง Self-Leadership ที่ดีของคนทุกคนคือการมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน การมีเป้าหมายไม่ใช่เพียงแค่การพูดขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่ระบุความชัดเจน เพราะเมื่อไรก็ตามที่เป้าหมายไม่ชัดเจนก็จะไม่มีวิธีการที่จะทำต่อไป เช่นการพูดลอย ๆ ว่าอยากลดน้ำหนัก การพูดเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเป้าหมายที่ดี เพราะไม่มีการระบุว่าต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ ลดเมื่อไหร่ เป็นต้น การกำหนดเป้าหมายที่ดี ต้องระบุได้ถึงความชัดเจนรวมถึงวิธีการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นด้วยถึงขั้นตอนที่ต้องทำต่อไปเพื่อการบริหารจัดการได้ เทคนิคการตั้งเป้าหมายที่ดี คือการแบ่งเป้าหมายใหญ่ ให้ออกเป็นเป้าหมายย่อย ๆ หรือมีขั้นตอนที่ไม่มาก จะช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะทำให้เป้าหมายบรรลุเป้าหมายได้โดยง่าย และเมื่อไรก็ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เราจำเป็นต้องให้รางวัลกับชีวิต เมื่อบรรลุเป้าหมายในแต่ละระดับ เพื่อหลีกเลี่ยงการหมดกำลังใจทำให้เป้าหมายไม่ประสบความสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 2. การบริหารตนเอง:
หัวใจสำคัญของการมีภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership คือการทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ การบริหารตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องทำคือการบริหารตนเอง ให้มีความสม่ำเสมอ มีความเพียรพยายาม ที่ตั้งใจจริง โดยต้องหมั่นฝึกฝนความสามารถของตนเอง ทำให้เข้าใจตนเองและมองเห็นตัวเองอย่างชัดเจนในแบบที่ทุกคนเป็น ซึ่งการบริหารตนเองจำเป็นต้องมีการไตรตรองและมีสติมากเป็นพิเศษ โดยการบริหารตนเอง ให้คำนึงถึงหน้าที่ต่อผู้อื่นและตนเอง เข้าใจถึงบทบาทในสิ่งที่ต้องทำ และในสิ่งที่ควรทำ ตามกฏกติกาของสังคมที่ตนเองทำงานอยู่ เพราะปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ที่เกิดขึ้นมากคือการที่คนหลายคนไม่เข้าใจในบทบาทของตนเอง ทำให้ไปพาดพิงคนอื่นในองค์กร หรือไม่ทำงานตนเองให้มีประสิทธิภาพที่ดีพอ เพราะมัวแต่ไม่สนใจงานผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวของกับตนเอง ความรู้สึกที่ดีของการบริหารตนเอง จะช่วยในเรื่องการควบคุมความคิดตนเอง ควบคุมการทำงานของตนเอง เสริมสร้างความมั่นใจให้ตนเอง และความรู้สึกของการตรวจสอบตนเองอย่างสม่ำเสมอ และเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากคนรอบข้างและความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำได้เป็นอย่างดี
การพัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership นั้นมีความซับซ้อน เพราะต้องทำให้กระบวนการของจิตใจ ให้มีความสัมพันธ์กับกายภาพ หมายความว่าใจต้องพร้อม กายต้องได้ กระบวนการในการพัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership ต้องมีการทำเป็นกระบวนการ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน การพัฒนาผู้นำในตนเอง ที่สำคัญ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1. การตั้งเป้าหมาย:
สาเหตุหลัก ๆ ของคนหลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานเพราะคนส่วนใหญ่ที่ไม่บรรลุเป้าหมายเพราะเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมาย หรืเป้าหมายในการดำเนินชีวิตไม่ชัดเจน สิ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับผู้นำตนเอง Self-Leadership ที่ดีของคนทุกคนคือการมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน การมีเป้าหมายไม่ใช่เพียงแค่การพูดขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่ระบุความชัดเจน เพราะเมื่อไรก็ตามที่เป้าหมายไม่ชัดเจนก็จะไม่มีวิธีการที่จะทำต่อไป เช่นการพูดลอย ๆ ว่าอยากลดน้ำหนัก การพูดเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเป้าหมายที่ดี เพราะไม่มีการระบุว่าต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ ลดเมื่อไหร่ เป็นต้น การกำหนดเป้าหมายที่ดี ต้องระบุได้ถึงความชัดเจนรวมถึงวิธีการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นด้วยถึงขั้นตอนที่ต้องทำต่อไปเพื่อการบริหารจัดการได้ เทคนิคการตั้งเป้าหมายที่ดี คือการแบ่งเป้าหมายใหญ่ ให้ออกเป็นเป้าหมายย่อย ๆ หรือมีขั้นตอนที่ไม่มาก จะช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะทำให้เป้าหมายบรรลุเป้าหมายได้โดยง่าย และเมื่อไรก็ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เราจำเป็นต้องให้รางวัลกับชีวิต เมื่อบรรลุเป้าหมายในแต่ละระดับ เพื่อหลีกเลี่ยงการหมดกำลังใจทำให้เป้าหมายไม่ประสบความสำเร็จ
ขั้นตอนที่ 2. การบริหารตนเอง:
หัวใจสำคัญของการมีภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership คือการทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ การบริหารตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องทำคือการบริหารตนเอง ให้มีความสม่ำเสมอ มีความเพียรพยายาม ที่ตั้งใจจริง โดยต้องหมั่นฝึกฝนความสามารถของตนเอง ทำให้เข้าใจตนเองและมองเห็นตัวเองอย่างชัดเจนในแบบที่ทุกคนเป็น ซึ่งการบริหารตนเองจำเป็นต้องมีการไตรตรองและมีสติมากเป็นพิเศษ โดยการบริหารตนเอง ให้คำนึงถึงหน้าที่ต่อผู้อื่นและตนเอง เข้าใจถึงบทบาทในสิ่งที่ต้องทำ และในสิ่งที่ควรทำ ตามกฏกติกาของสังคมที่ตนเองทำงานอยู่ เพราะปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ที่เกิดขึ้นมากคือการที่คนหลายคนไม่เข้าใจในบทบาทของตนเอง ทำให้ไปพาดพิงคนอื่นในองค์กร หรือไม่ทำงานตนเองให้มีประสิทธิภาพที่ดีพอ เพราะมัวแต่ไม่สนใจงานผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวของกับตนเอง ความรู้สึกที่ดีของการบริหารตนเอง จะช่วยในเรื่องการควบคุมความคิดตนเอง ควบคุมการทำงานของตนเอง เสริมสร้างความมั่นใจให้ตนเอง และความรู้สึกของการตรวจสอบตนเองอย่างสม่ำเสมอ และเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากคนรอบข้างและความรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำได้เป็นอย่างดี
ขั้นตอนที่ 3. เข้าใจในภาระหน้าที่:
สิ่งสำคัญในการพัฒนาความสำเร็จให้ตนเอง คือการเข้าใจการดำรงตนในการทำงานให้มีความเหมาะสม ซึ่งการเข้าใจภาะหน้าที่จำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นที่ดีพอที่จะทำให้ตนเอง คงสภาพการดำรงตนให้ดีตลอดไป การพัฒนาแรงจูงใจในตนเองให้มีความเหมาะสม เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนต้องการประสบความสำเร็จ การสร้างแรงจูงใจให้ตนเองเคารพในตัวเอง เป็นภาระกิจหลักของ การมีภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership
ขั้นตอนที่ 4. รูปแบบการคิดเชิงสร้างสรรค์: หนึ่งในการะบวนการที่จะไม่ทำให้พนักงานอยู่ในวังวนของปัญหา ทำให้ตนเองไม่ประสบความสำเร็จ คือการคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือ การคิดนอกกรอบ เพื่อค้นหาวิธีการที่ไม่เหมือนเดิม มีแนวทางในการพัฒนาความสำเร็จของตนเอง ผ่านกระบวนการทบทวนสิ่งที่ทำ หรือผลงานที่ผ่านมาเพื่อประเมินความตั้งใจและประสิทธิภาพส่วนบุคคลของแต่ละคน ความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และปรับตัว จำทำให้ทุกคนมีแนวทางในการพัฒนาความสำเร็จให้ตนเอง
ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญเพราะช่วยให้ทุกคนมีจินตนาการและสำรวจความเป็นไปได้และสถานการณ์ทั้งหมดในสถานการณ์หนึ่งๆ การคิดอย่างสร้างสรรค์ช่วยขจัดข้อจำกัด หรือลดปัญหาอุปสรรค และลดขอบเขตจากวิธีดำเนินการของกระบวนการหรือขั้นตอนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ความคิดสร้างสรรค์จะกระตุ้นให้ผู้คนค้นหาวิธีอื่นที่แตกต่างและมีความเป็นไปได้ต่อไปเพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่ดีขึ้น ความคิดสร้างสรรค์กระตุ้นให้พนักงานคิดถึงสาเหตุว่าทำไม ต้องทำในสิ่งเดิม ๆ มีวิธีการอื่น ๆ ที่จะทำให้บรรลุวิธีการใหม่ ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พตนเองพิจารณาวิธีอื่น ๆ ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แต่มีวิธีการอื่นที่แตกต่างออกไป ด้วยเหตุนี้ ความคิดสร้างสรรค์จึงเรื่องการคิดขับเคลื่อนตนเองให้ประสบความสำเร็จจนถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนอยากทำในรูปแบบใหม่ๆ
ขั้นตอนที่ 5. เข้าใจคนอื่น:
เป็นที่เข้าใจกันว่า วิธีการสร้างผลประกอบการทางธุรกิจที่ดีคือการทำอย่างไรให้ลูกค้าอยากมาใช้บริการของเรา การที่ลูกค้าจะมาใชบริการมีเพียงอย่างเดียวคือการรู้สึกประทับใจต่อการให้บริการขององค์กรของเรา ฝ่ายบริการลูกค้าของคุณคือจุดเริ่มต้นของการสร้างความสำเร็จทันที การพัฒนาทีมบริการลูกค้าเพื่อให้บริการลูกค้าที่ดี เป็นเรื่องจำเป็น แต่การมีภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership จำทำให้พนักงานทุกคนเห็นความสำคัญในการให้บริการ มีความยินดีที่จะให้บริการลูกค้า
ซึ่งหลายแบรนด์ชั้นนำให้ความสำคัญเรื่องการให้บริการลูกค้า โดยการเพิ่มการลงทุนด้านการบริการลูกค้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ความคาดหวังของลูกค้าก็ยังไม่บรรลุผล จากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริโภคกว่า 50% ไม่สังเกตเห็นการปรับปรุงใดๆ ในการบริการลูกค้า และ 23% กล่าวว่าการบริการลูกค้าแย่ลง เกิดอะไรขึ้น กับข้อมูลที่ได้รับ เพื่อช่วยให้คุณเอาชนะความไม่สอดคล้องกันระหว่างความคาดหวังในการบริการลูกค้ากับความเป็นจริง การมีภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership คือการทำให้พนักงานทุกคนตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการบริการที่ดีให้ลูกค้าประทับใจ จากความสามารถของพนักงานเอง เพราะจุดเริ่มต้นของความประทับใจของลูกค้า มาจากการให้บริการของตนเอง ไม่ต้องรอคนอื่น สามารถทำได้เลยด้วยตนเอง
การพัฒนาทักษะการเป็นภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership มีความสำคัญต่อการพัฒนาความสำเร็จ ด้วยการพัฒนาตนเองให้มีทักษะการเป็นผู้นำในตนเองที่มีประสิทธิภาพ การพัฒนาตนเองให้มีภาวะผู้นำในตนเอง จำเป็นต้องมีการฝึกฝนความฉลาดทางอารมณ์ การเข้าใจในตนเอง และการบริหารจัดการตนเอง คนที่พัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership จะสามารถลดความรู้สึกด้านลบลง ทำให้มีความเครียดน้อยลง ทำให้มีพลังที่จะผลักดันตนเองให้ประสบความสำเร็จ และ ความเป็นผู้นำในตนเอง Self-Leadership จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ทุกคน เป็นต้นแบบให้คนในองค์กรเดินตาม(Role Models) และถ้าองค์กรใดทำได้ความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะพนักงานทุกคนต่างมี ภาวะผู้นำในตนเอง Self-Leadership ดูแลตนเองให้ทำงานได้ดี พนักงานทุกคนในองค์กรคิดเช่นนี้ ทุกคนประสบความสำเร็จ องค์กรก็จะประสบความสำเร็จนั่นเอง