13.ได้วิธีการพัฒนาความการคิดบวกที่เป็นขั้นตอน ทำให้จัดระบบความคิดได้ดียิ่งขึ้น และสร้างการคิดบวกได้ทันทีในทุกสถานการณ์

14.มีมุมมองต่อการคิดบวกและขจัดความคิดเชิงลบได้ดียิ่งขึ้น มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ

15.สนับสนุนให้คนรอบตัวมีการคิดบวก ได้อย่างถูกวิธี

16.มีแผนและเป้าหมายที่ชัดเจนในการคิดบวก ให้เกิดความยังยืนในการทำงาน โดยทำการคิดบวกทุกวัน

17.เข้าใจขั้นตอน การพัฒนาการคิดบวกที่เป็นระบบ ทำให้ควบคุมสถานการณ์การในการคิดบวก ได้เป็นอย่างดี

18.มีกำลังใจ เห็นโอกาสในการขาย ได้ตลอดเวลา ทำให้เพิ่มโอกาสในการคิดบวกเพิ่มมากขึ้น แม้แต่ในสถานการณ์ที่กดดัน

19.มีความมั่นใจมากขึ้น ในการใช้การคิดบวกเพื่อแก้วิกฤตให้เป็นโอกาส ในสถานการณ์ที่เลวร้าย

20.ได้เรียนรู้การปรับความคิดบวกที่ถูกต้อง ไม่ตื่นกลัว ในสถานการณ์ที่เลวร้าย

21.มองเทคนิค การคิดบวกแบบบูรณาการ ทำให้ได้กระบวนการคิดเชิงบวก ที่ชัดเจน ถูกต้อง

22.ได้เทคนิคการคิดบวก ทำให้ช่วยให้ทุกคนมีการคิดบวกหลายคน ทำให้เกิดพลังช่วยกันในการพัฒนาความคิดเชิงบวก

23.ไม่กลัวปัญหา ที่จะบั่นทอนความคิดเชิงบวก ทำให้ตนเองกลัว หรือ กังวลใจ ในสถานการณ์ต่าง  ๆ ที่เข้ามา

24.การคิดบวก ทำให้มั่นใจว่า ตนเองสามารถ ทำงานแบบเราทำได้ “Can Do”

หลักสูตร พัฒนาและการเสริมสร้างความคิดเชิงบวก เพื่อผลงานที่เป็นเลิศ : Effective Positive Thinking for Excellent Performance เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อให้พนักงานทุกคน พนักงานทุกระดับ มีการฝึกหัดวิธีการคิด และเปลี่ยนความคิดจากที่คิดลบให้มาเป็นความคิดเชิงบวก

ซึ่งการคิดบวก เป็นพื้นฐานของความสำเร็จในการทำงาน โดยมีแนวทางให้การลดระดับการคิดเชิงลบในทุกคน ลงให้เหลือที่น้อยที่สุด เพื่อจะสร้างการคิดเชิงบวกเข้ามาแทนที่ความคิดลบนั่นเอง

เทคนิคการคิดบวกที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องมือ พัฒนาการคิดเชิงบวก ได้รัยการพิสูจน์แล้วว่า ทำให้สามารถลดการคิดลบและสามารถพัฒนากรอบความคิดบวกให้เพิ่มมากขึ้น 

การสร้างขวัญ กำลังใจ ทำให้พนักงานมีกำลังใจ มีแรงกระตุ้น ที่จะพัฒนาการคิดบวกในตนเองและส่งพลังการคิดบวกให้คนรอบข้างที่จะมาช่วยกันทำให้ประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

การฝึกอบรม หลักสูตร พัฒนาและการเสริมสร้างความคิดเชิงบวก เพื่อผลงานที่เป็นเลิศ จะทำให้พนักงานมีความเชื่อมมั่นในตนเอง เชื่อมมั่นในสิ่งที่ตนเองจะทำซึ่งเป็นผลจากการคิดเชิงบวก 

ซึ่งการเรียนจะเป้นการ ค้นหาตนเองของผู้เรียน เพื่อให้พบว่าตนเองมีจุดแข็ง จุดอ่อนอย่างไรบ้าง ที่ทำให้เป็นปัญหาอุปสรรคทางความคิด ทำให้ไม่สามารถคิดบวกได้ดีเท่าที่ควร

และนำการสำรวจตนเองมาใช้ในการพัฒนาการคิดเชิงบวกในตนเอง โดยการฝึกฝนการพัฒนา การคิดบวก Positive Thinking ที่เป็นชุดฝึกเฉพาะ ทุกคนจะมีพฤติกรรมในการคิดลบที่มากกว่าการคิดบวก ดังนั้น ในการอบรมจำเป็นต้องใึกให้ทุกคนสร้างการคิดบวกในความคิดและนำไปใช้ในการสร้างผลสำเร็จในการทำงาน

เนื้อหาใน หลักสูตร ฝึกอบรม พัฒนาและการเสริมสร้างความคิดเชิงบวก เพื่อผลงานที่เป็นเลิศ จะกระตุ้นความคิด จากการทำงานของสมองที่เรียกว่า Brain Base Learning เป็นความคิดตั้งต้นของทุกคน ให้นำไปใช้ในการพัฒนาการคิดเชิงบวกของทุกคน  เพื่อการสร้างความมั่นคงทางการคิดบวกให้คงอยู่ตลอดเวลา ในการทำงานและไม่ใช่การทำงาน

หลักสูตร ฝึกอบรม พัฒนาและการเสริมสร้างความคิดเชิงบวก เพื่อผลงานที่เป็นเลิศ จะมาพร้อมกับเครื่องมือในการพัฒนาความคิดบวก

ชุดฝึกการคิดบวกที่ได้รับการยอมรับในองค์กรชั้นนำที่นำมาใช้ในการพัฒนาความคิดเชิงบวก ทำให้ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี เพื่อสร้างวัฒนธรรมการคิดบวกในองค์กร ที่ทำให้พนักงานทุกคนนำมาใช้ในการพัฒนาการคิดบวกให้ตนเองและทีมงาน

หลักสูตร พัฒนาและการเสริมสร้างความคิดเชิงบวก เพื่อผลงานที่เป็นเลิศ  คืออะไร?

: Effective Positive Thinking for Excellent Performance

หลักการและเหตุผล

ความสำเร็จในการทำงาน ต่างมาจากความคิดของคนทั้งสิ้น  ซึ่งความคิดของพนักงานจะมี หลัก 2 อย่างคือ คนที่คิดบวกและคนที่คิดลบ ซึ่งคนที่คิดบวกจะรู้สึกได้ถึงความพยายามที่จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จ ถึงแม้งานนั้นจะยากสักเพียงใดก็ตาม

แต่ในองค์กรพบว่าคนจำนวนมากส่วใหญ่เป็นคนคิดลบ ซึ่งจะสังเกตพฤติกรรมการคิดลบของพนักงานมีดังต่อไปนี้;

1.พนักงานทำงานด้วยความท้อแท้ มีความคิดลบตลอดเวลา  รู้สึกว่างานเป็นเรื่องยาก ไม่เหมาะกับตนเอง ทำให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

2.พนักงานชอบสื่อสารไปในทิศทางที่บั่นทอนทางความคิด ทำให้ตนเองและคนรอบข้างไม่มีกำลังใจในการทำงาน

3.พนักงานชอบเกี่ยงกันทำงาน เพราะไม่อยากรับผิดชอบ กลัวความผิด ทำให้ไม่ก้าวหน้า เพราะทำอะไรไม่เป็น

4.พนักงานไม่อยากมาทำงาน รู้สึกเบื่องาน ไม่อยากให้เจอปัญญากาาศในการทำงาน แต่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง

5.พนักงานจะบ่นในทุกเรื่องที่เข้ามา โดยไม่มีทางออก หรือโซลูชั่นในการแก้ปัญหา ทำให้งานไม่คืบหน้า

6.พนักงานมักโยนงาน โยนความรับผิดชอบให้คนอื่น ทั้ง ๆ ที่เป็นงานของตนเอง

7.พนักงานไม่ต้องการพัฒนาตนเอง เพราะคิดลบกลัวว่าจะทำให้งานเพิ่มมากขึ้น เมือตนเองขาดดารกพัฒนาก็ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ

8.พนักงานไม่ชอบทำงาน แต่ชอบรวมกลุ่มพูดแต่เรื่องไม่ดี นินทากัน โดยไม่ทำงานของตนเให้ประสบความนำเร็จ

ความท้าทายเหล่านี้คือความท้าทายที่มาจากการคิดลบ ถ้าองค์กรใดมีปัญหาเช่นนี้ จำเป็ฯต้องเร่งแก้ไขด้วยการพัฒนาการคิดวกในพนนักงานให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้เรื่องร้าย ๆ กลายเป็นดีได้

 ความเป็นมาของหลักสูตร ฝึกอบรม

เป็นที่ทราบดีว่าการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงและทวีคูณเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือการทำงานก็มีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น มุมมองของการทำงานจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และกลไกของการสร้างศักยภาพในการแข่งขันคือ การพัฒนาบุคลากร ซึ่งการทำงานของบุคลากรนั้นเป็นผลของความคิด คือ คิดเป็น คิดได้ และก็คิดบวก Positive Thinking

หมายความว่า ถ้าพนักงานคนใดก็ตามที่มีความคิดที่เป็นบวก ก็จะส่งผลให้ตนเองมีพลังงานที่จะขับเคลื่อนให้ตนเองประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อมีสิ่งใหม่ ๆ หรือมีงานเข้ามา ก็จะคิดเสมอว่าตนเองมีความสามารถเพียงพอ ต่อการทำงาน ถึงแม้งานจะยากเพียงใดก็ตาม ทำได้

ถ้าพนักงานคนใดมีแนวคิดบวกเช่นนี้มาก ๆ ย่อมเท่ากับกำลังสร้างโอกาสของความสำเร็จให้ตนเอง ดังนั้นองค์กรใดก็ตามที่สามารถสร้างพนักงานให้มีแนวคิดของความคิดที่เป็นบวกเช่นนี้เท่ากับเป็นการพัฒนาความสำเร็จให้องค์กร

คนที่คิดบวก กับ คนที่คิดลบ จะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป เช่น นำแก้วน้ำใส่น้ำมา ครึ่งแก้ว แล้วลองตั้งคำถามว่าคนส่วนใหญ่จะมักจะมองว่าแก้วว่างเปล่าครึ่งหนึ่งหรือเต็มครึ่งแก้ว

หลายคนเคยได้ยินคำถามนั้นมาหลายครั้งแล้ว คำตอบของของคำถามเกี่ยวข้องโดยตรงกับแนวคิดเรื่องการคิดเชิงบวกเพราะเรี่องเดียวกัน แต่คนมองต่างกัน นี้คือความคิดบวกและคิดลบ ข้อสรุปคือจำเป็นต้องฝึกคนคิดลบให้คิดบวก และ ฝึกคนคิดบวกให้คิดบวกเพิ่มขึ้นไป

ในชีวิตการทำงานไม่ว่าพนักงานจะมีความคิดเชิงบวกหรือความคิดเชิงลบต่อชีวิตก็ตาม ก็ขอให้เข้าใจว่า การคิดเชิงบวกมีบทบาทสำคัญในจิตวิทยาเชิงบวก ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จเพิ่มมากขึ้น

กระบวนการในการพัฒนาความคิดที่เป็นบวก เป็นการบวนการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางสมองด้วยการใส่แนวคิดเชิงบวกเข้าไปทดแทนพื้นฐานความคิดที่เป็นลบ และเมื่อไรก็ตามที่พนักงานสามารถที่จะคิดบวกได้ก็เท่ากับเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้พนักงานที่จะยืนหยัดและต่อสู่เพื่อความเป็นเลิศทางธุรกิจ ถึงแม้จะมีความยากลำบากเพียงใดก็ตาม ถ้าองค์กรใดสามารถที่จะร้อยจิตสำนึกให้ทุกคนในองค์กรให้มีความคิดเชิงบวกและมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันคือทำให้ทุกคนมีความรู้สึกที่ดีต่อสังคมที่ทำงานอยู่ ซึ่งมีองค์ประกอบทั้งผู้ที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน ตนเองและองค์กร ทำให้เกิดการประสานพลังของการทำงานเชิงบวก ภายใต้เป้าหมายหนึ่งเดียวคือความสำเร็จขององค์กร แนวคิดที่จะร้อยจิตใจในทุกฝ่ายเข้ากับแนวคิดขององค์กรได้ ต้องมีพื้นฐานเดียวกันคือความคิดที่เป็นบวก ก็จะทำให้พนักงานในองค์กรมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน คือ CAN DO MODEL มีความมั่นใจในความสามารถของตนเอง สามารถที่จะทำได้ โดยจะผสมผสานหลักการบริหารตามหลักจิตวิทยา การสื่อสารภายในองค์กร เพื่อเป็นสื่อในการกระตุ้นและชี้ให้เห็นถึงวุฒิภาวะทางอารมณ์ วิธีการและปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น การรู้จักอารมณ์ตนเอง ความคิดในเชิงบวก การแสดงออก การบริหารอิทธิพลของอารมณ์ ศักยภาพที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้อย่างเต็มที่ของพนักงานทุกคน ทำให้งานประสบความสำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมายที่องค์กรได้ตั้งไว้อย่างต่อเนื่อง หลักสูตร “พัฒนาและการเสริมสร้างความคิดเชิงบวกเพื่อผลงานที่เป็นเลิศ” (Effective Positive Thinking for Excellent Performance) ถูกออกแบบมาตามหลักสากล และนำมาประยุกต์ให้สอดคล้องกับกับบริบทของสังคมไทย สามารถนำไปใช้ เพื่อมุ่งเน้นการคิดบวกเชิงรุก ให้ทุกคน CAN DO คือไม่กลัวในทุกเรื่องที่เข้ามากระทบ ใช้ในการเพิ่มศักยภาพของทีมงาน และจะส่งผลเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรเป็นอย่างยิ่ง สร้างจิตวิทยาภายในองค์กร เพื่อความสำเร็จในการบริหาร โดยจะผสมผสานหลักการบริหารตามหลักจิตวิทยา การสื่อสารภายในองค์กร เพื่อเป็นสื่อในการกระตุ้นและชี้ให้เห็นถึงวุฒิภาวะทางอารมณ์ วิธีการและปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น การรู้จักอารมณ์ตนเอง ความคิดในเชิงบวก การแสดงออก อิทธิพลของอารมณ์ ศักยภาพที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้อย่างเต็มที่ของพนักงานทุกคน การสร้างความรักและความศรัทธาในองค์กร การสร้างความร่วมแรงร่วมใจภายใต้บรรยากาศของการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี จึงจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การปฏิบัติงานประสบความสำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมายที่องค์กรได้ตั้งไว้