หลักสูตรฝึกอบรม Smart Leadership เพื่อความเป็นเลิศในการทำงาน

หลักสูตร ฝึกอบรมเรื่อง “Smart Leadership” เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาทักษะและความเข้าใจในการเป็นผู้นำที่มีความสามารถและประสิทธิภาพในการนำทีม ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างเนื้อหาที่อาจจะถูกนำเสนอในการฝึกอบรม “Smart Leadership”:

หลักสูตรฝึกอบรมเพื่อสร้างผู้นำ ให้เป็นผู้นำแบบสมาร์ท

ผู้นำแบบ Smart Leadership ยังต้องเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายยาวไปถึงยาวนานขององค์กรและการกระทำในระยะสั้น ความรับผิดชอบในการเตรียมการและวางแผนการดำเนินงานเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ทีมทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้องและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร

ในสร้างภาวะผู้นำอัจฉริยะ ความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญ ความเข้าใจและการรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกในทีมเป็นการกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมและแนวทางใหม่ ผู้นำควรมีความเปิดเผยและพร้อมที่จะเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวเพื่อพัฒนาตนเองและทีมของเขาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยภาวะนี้ผู้นำจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำทีมไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในสภาวะที่ไม่แน่นอนอย่างมีสมาธิและความสามารถในการปรับตัวเป็นที่ดี

หลักสูตร Smart Leadership นี้มุ่งเน้นเพิ่มเติมทักษะที่ผู้บริหารควรมีเพื่อให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในองค์กร การอบรมที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาการบริหารทีมงานรวมถึงเนื้อหาดังนี้:

ส่วนที่ 1: ความสำคัญ Smart Leadership

• แนวคิดเกี่ยวกับ Smart Leadership: ความหมายและความสำคัญในการนำทีมในยุคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
• คุณสมบัติและคุณค่าของผู้นำที่มีความฉลาด
• การแตกต่างระหว่างการนำแบบดั้งเดิมและการนำแบบ Smart Leadership

ส่วนที่ 2: การสร้างพฤติกรรมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

• การสื่อสารเชิงบวก: วิธีการสร้างแรงบันดาลใจและสร้างแรงจูงใจให้กับทีม
• การฟังเพื่อเข้าใจ: ทฤษฎีและปฏิบัติการในการฟังเพื่อเข้าใจและเชื่อมโยงกับคนในทีม
• การใช้ภาษาผ่านการสื่อสารเพื่อแสดงความคิดเห็นและเป็นแรงบันดาลใจ

ส่วนที่ 3: ความยืดหยุ่นในการแก้ไขและการตัดสินใจ

• การพิจารณาสิ่งใหม่: วิธีการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาและเชิงอนุรักษ์
• การจัดการกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง: วิธีการที่ผู้นำ Smart Leadership รับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน
• การตัดสินใจที่มีความตั้งใจ: วิธีการที่ผู้นำใช้ตัดสินใจภายใต้การบริหารความเสี่ยง

ส่วนที่ 4: สร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์

• การสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม: วิธีการส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในทีมและองค์กร
• การสนับสนุนและส่งเสริมแนวคิดใหม่: วิธีการที่ผู้นำสร้างพื้นที่สำหรับการสนับสนุนและทดลองให้กับความคิดใหม่
• การรับมือกับการต้านทานการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมการคิดเชิงสร้าางสรรค์เป็นสิ่งที่สำคัญ

ส่วนที่ 5: การเร่งการแก้ไขข้อขัดแย้งและการทำงานร่วมกัน

• การจัดการข้อขัดแย้ง: วิธีการที่ผู้นำสตรีทจัดการกับการขัดแย้งและการทำงานร่วมกันในองค์กร
• การสร้างความร่วมมือ: วิธีการสร้างความร่วมมือและการทำงานร่วมกันในทีมและความสำคัญของการสนับสนุนเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดี
• ผู้นำทำตัวเป็นกลางและการแนะนำทางการเจรจาต่อรองในการแก้ไขข้อขัดแย้ง

ส่วนที่ 6: การพัฒนาทีมและการมอบอำนาจ

• การพัฒนาทีมที่มีประสิทธิภาพ: วิธีการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพโดยการนำเสนอการพัฒนาทักษะและการทำงานร่วมกัน
• การมอบอำนาจและการเชื่อมั่นในทีม: วิธีการที่ผู้นำให้ความรับผิดชอบและการมอบอำนาจในการตัดสินใจและการดำเนินงาน

ส่วนที่ 7: การสร้างแผนการกระทำส่วนบุคคล

• การวางแผนการกระทำส่วนบุคคล: วิธีการสร้างแผนการกระทำส่วนบุคคลเพื่อให้ผู้นำสามารถนำแผนการกระทำที่ได้รับความรู้มาใช้ในการทำงาน
• การกำหนดเป้าหมายและเป้าหมาย: วิธีการกำหนดเป้าหมายและเป้าหมายสำหรับการพัฒนาทักษะและการพัฒนาตนเอง

ทุกขั้นตอนของการฝึกอบรม ทำให้ผู้นำมีความเข้าใจและการเสริมสร้างทักษะเพื่อสร้างจิตวิทยาขั้นสูงให้กับผู้นำในการบริหารทีมงาน ให้บริหารงานมีความสำเร็จ อีกทั้งมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ตรงประเด็น ทันสมัย และมีความหลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาความสำเร็จให้ทีมงานจากความสามารถของผู้นำ

หลักสูตรฝึกอบรม Smart Leadership เพื่อความเป็นเลิศในการทำงาน

ความเป็นมาของหลักสูตรฝึกอบรม

ในการทำงานนั้น ทุกองค์กรจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้นำ เพราะผู้นำจะมีบทบาทหน้าที่ที่จะขับเคลื่อนให้องค์กรประสบความสำเร็จหรือถดถอยได้ เพราะผู้นำชาญฉลาดจะมีแนวทางในทำงานเชิงรุกจะมีความสามารถในการที่จะปกครองและทำให้ผลงานเป็นไปตามที่องค์กรอยากให้เป็น ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการทำงานในทุกแห่งจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบในการทำงาน 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ หัวหน้างาน ทีมงานและกิจกรรมต่าง ๆ

• หัวหน้างาน นั้นก็คือ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำ ที่จะมีความสามารถในการที่จะดูแล ให้ความช่วยเหลือ การสอนงาน โค้ชชิ่ง และทำให้ผลงานเป็นไปตามที่องค์กรอยากให้เป็น
• ผู้ปฏิบัติงาน ก็คือ ทุก ๆ คนในทีมงาน ที่เป็นส่วนทำให้ผลงานสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี

และส่วนสุดท้าย ก็คือ

• การดำเนินการ งาน โครงการต่าง ๆ หรือกระบวนการของงาน ที่ถูกแบ่งกันออกไปตามความรับผิดชอบ

จากองค์ประกอบทั้งสามส่วนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความสำเร็จให้องค์กร เพราะการทำงานที่ดี ผู้นำชาญฉลาดมีหน้าที่ต้องให้ทุกส่วนงานมีการประสานกันเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด ผู้บริหารหรือผู้นำจำเป็นที่จะต้องสร้างรูปแบบในการบริหารทีมงานให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมุ่งเน้นที่จะลดปัญหาในการบริหารจัดการต่อไปนี้

• ขจัดความสับสนในการขึ้นเป็นผู้นำ ทำให้เข้าใจในบทบาทของการเป็นผู้นำ
• ขจัดการใช้อารมณ์ในการบริหารจัดการ มีความเป็นเหตุผลในทุกการตัดสินใจ
• ขจัดความไม่สมดุลย์เชิงปฏิบัติการในการบริหารจัดการทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพ
• ขจัดปัญหาของการขาดทิศทาง ทำงานด้วยความสับสนในการบริหารทีม
• ขจัดความไม่เข้าใจในการสื่อสารกับทีมงานที่มีความแตกต่างกันให้หลายรูปแบบ
• ขจัดความไม่เข้าใจการพัฒนาทีมงาน ทำให้หลายครั้งต้องลงไปปฏิบัติเอง ไม่มีแนวทางในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายนั้น ๆ
• ให้มีการใช้ วาทศิลป์ และการโน้มน้าวใจ และการสร้างบารมีภายใต้การบริหารจัดการ..
• การสื่อสารเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อ..ให้ทีมงานทำงานให้ด้วยใจ
• สร้างแรงจูงใจ การโค้ชชิ่งทีมงาน เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงาน
• และอื่น ๆ

ในมุมมองของพนักงานที่มีความรู้สึกต่อผู้นำของเขาคือความต้องการใครสักคนที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่พนักงานมี และรู้ว่าพนักงานสามารถทำได้ และช่วยเหลือให้พนักงานทำงานได้ สรุปได้ว่า ความสำคัญของความเป็นผู้นำและวิธีที่ผู้นำสามารถช่วยผู้อื่นให้บรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ความเป็นผู้นำไม่ได้เกี่ยวกับการมีอำนาจเหนือคนอื่นหรือมีแค่ตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่น แตเป็นเรื่องการสร้างบารมี และมีการสื่อสารที่ดีเพื่อการโน้มน้าวใจทีมงานให้ทุกคนคิดเชิงบวกให้ก้าวหน้าไปยังเป้าหมายความสำเร็จใหม่ ผู้นำที่ชาญฉลาดต้องมียิ่งใหญ่ในจิตใจ ต้องการประสบความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญและต้องการช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงศักยภาพและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จำมีความสำเร็จร่วมกัน จากการสำรวจพบว่า 77 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรส่วนใหญ่จะประสบกับช่องว่างของความเป็นผู้นำที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับมาจตรฐานการเป็นผู้นำ ความต้องการทักษะการเป็นผู้นำชาญฉลาดเพื่อสนับสนุนเส้นทางความสำเร็จทางธุรกิจเพื่อปิดช่องว่างของทักษะการเป็นผู้นำชาญฉลาดนี้ ทำให้ผู้บริหารและผู้ที่มีบทบาทเป็นผู้นำต้องมีความรู้ ความชำนาญในการเป็นผู้นำที่ลึกซึ้งเพียงพอต่อการบริหารทีมงาน  โดยเฉพาะเกี่ยวกับความเป็นผู้นำและเข้าใจถึงผลกระทบของความเป็นผู้นำ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นและความพึงพอใจในการทำงานโดยรวมดีขึ้นสำหรับทุกคน ซึ่งสมรรถนะหลักของการเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดจะประกอบไปด้วย 7 สมรรถนะหลักดังนี้

1. ผู้นำแนะนำการเปลี่ยนแปลง
2. ผู้นำช่วยให้ผู้คนตอบสนองความต้องการ
3. ผู้นำแก้ปัญหาความขัดแย้ง
4. ผู้นำให้คำแนะนำ
5. ผู้นำกำหนดวิสัยทัศน์
6. ผู้นำพัฒนาขวัญกำลังใจ
7. ผู้นำสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานเชิงบวก

ซึ่งกระบวนการทำงานของผู้นำเชิงรุกต้องมีองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จำให้เกิดผลสำเร็จในการทำงาน ด้วยหลักการประสานงานในทุกฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเป็นผู้นำชาญฉลาด ที่จะต้องนำผู้อื่นด้วยความรับผิดชอบต่อตนเองอีกทั้งยังเป็นผู้ที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับเพื่อนร่วมงาน ทำงานได้ตรงตามแนวคิดหรือความต้องการขององค์กร ทักษะที่สำคัญในการสร้างกลไกในการทำงานที่มีประสิทธิภาพนั้น  มาจากทักษะของการเป็นผู้นำชาญฉลาด ที่ต้องเข้าใจทั้งมิติของความเป็นผู้นำ การสื่อสารภายในทีมงาน การทำงานร่วมกัน และความคิดริเริ่ม การแก้ปัญหา และต้องเข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชา

หลักสูตร ผู้นำชาญฉลาด เพื่อความเป็นเลิศในการทำงาน Smart Leadership for Excellent ถูกออกแบบตามแนวคิด ที่ผ่านการวิจัยเป็นที่ยอมรับในสากล ที่จะทำให้เข้าใจภาวะผู้นำเช่นเดียวกับผู้นำมืออาชีพเขาปฏิบัติกัน   

ทำให้ผู้เข้าเรียนเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ของการเป็นหัวหน้างานจิตวิทยาในการปฏิบัติงาน กลยุทธ์ในการดำเนินงาน การเป็นผู้นำชาญฉลาด เพื่อให้การปฏิบัติงานสำเร็จไปสู่เป้าหมายที่องค์กรได้ตั้งไว้ ผู้เข้าอบรมสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาทีมงานของผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้นำทำให้มีหลักการปฏิบัติที่สำคัญในการบริหารจัดการทีมงานและการประสาน ความสัมพันธ์กับส่วนงานต่าง ๆ นำมาซึ่งความเจริญก้าว หน้าอย่างยั่งยืนและถาวรต่อไป

ผู้บริหารจำเป็นต้องเข้าใจหลักการผสมผสานหลักการจิตวิทยาการจัดการขั้นสูงเข้ากับความเป็นผู้นำของผู้บริหารจนสามารถเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานทำให้องค์กรมีการเจริญเติบโต ด้วยการทำความเข้าใจความซับซ้อนของพฤติกรรม อารมณ์ และการตัดสินใจของพนักงาน ซึ่งผู้บริหารจำเป็นต้องปลดปล่อยศักยภาพตนเองอย่างเต็มที่ในฐานะผู้นำ สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่รุ่งเรือง และขับเคลื่อนความสำเร็จอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทของตน การเปิดรับวิธีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ และใช้ข้อมูลเชิงลึกช่วยให้ผู้บริหารกลายเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์สร้างความสำเร็จให้องค์กรอย่างต่อเนื่อง

หลักสูตร Advance managerial psychology for executive  (หลักสูตร จิตวิทยาการบริหารงานขั้นสูงสำหรับผู้บริหาร) เป็นหลักสูตรที่ มีแนวทางการบริหารจัดการชั้นสูงสำหรับผู้บริหาร ที่ถูกออกแบบแนวทางการบริหารงานใน 2 สไตล์คือ การบริหารงานแบบญี่ปุ่นและการบริหารงานแบบสหรัฐอเมริกา โดยเนื้อหาในหลักสูตรมีการนำมาพัฒนาและประยุกต์ให้มีความสอดคล้องกับบริบทของสังคมการบริหารงานแบบคนไทย จึงทำให้ส่งผลการเรียนที่เข้าใจง่าย เห็นภาพการขับเคลื่อนพนักงานในองค์กรได้อย่างชัดเจน สามารถนำไปปรับใช้ในการบริหารงานในการทำงานประจำวันได้ โดยนำไปวิเคราะห์กระบวนการการทำงาน สร้างต้นแบบสำคัญของการบริหารจัดการ พัฒนาการใช้จิตวิทยาการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวทางในการของการเข้าอบรมจะมีการฝึกหัดทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติ ด้วยวิธีการเรียนรู้ที่ทันสมับและได้ผลมากที่สุดในขณะนี้ คือการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ “Active Adult Learning ตามหลักที่เรียกว่า Accelerated Learning” และยังได้รับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญและผู้เข้าร่วมสัมมนาด้วยกันเพื่อการประยุกต์ใช้ได้จริงและได้ผล เพื่อเป้าหมายคือการนำความรู้ไปพัฒนาความสำเร็จให้องค์กรเติบโตอย่างต่อเนื่อง