เทคนิคช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น เป็น 14 เทคนิคที่ผู้จัดการนำมาใช้ ในการพัฒนาพนักงาน ในทีมงาน เพื่อให้พนักงานทุกคนมีผลงานการทำงานที่ดีขึ้น ทำให้พนักงานมีก้าวหน้า และสร้างผลงานเพื่อทำให้องค์กรเติบโต
14 เทคนิคช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น
14 เทคนิคช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น
เขียนโดย วิทยากร สอนผู้จัดการ ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย
ในการอบรม “หลักสูตรผู้จัดการอัจฉริยะ” มักมีคำถามจากผู้เรียน ถึงแนวทางในการเพิ่มผลงานให้กับพนักงาน ว่าต้องทำอย่างไร เพราะเป้าหมายของการบริหารงาน คือการบริหารคน ให้ทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้จัดการวางไว้ และ บูสทีมงานให้ทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น
การทำงานให้ได้ตามเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ ในหลักสูตรอบรมผู้จัดการจะให้ความสำคัญกับ ทุก ๆ เป้าหมายที่ผู้จัดการแต่ละคนกำหนดไว้ เช่น ผู้จัดการฝ่ายขาย ก็จะมีเป้าหมายการขาย ผู้จัดการฝ่ายบริการ ก็จะมีเป้าหมายของการให้บริการ เช่น พฤติกรรมการบริการเหนือความคาดหวัง หรือ การเขียนคู่มือบริการ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า และ อื่น ๆ
ซึ่งทุกเป้าหมายของแต่ละหน่วยงานของผู้จัดการจะถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวคือเป้าหมายขององค์กรนั่นเอง ดังนั้นการที่ผู้จัดการสามารถที่จะบริหารทีมงานให้ทำงานได้ตามเป้าหมาย
จึงเป็นเรื่องสำคัญของคนที่ทำงานในระดับผู้บริหารหมายความว่าไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นหัวหน้างาน เป็นผู้จัดการ หรือเป็นผู้บริหารระดับสูงก็ตาม ความสามารถที่จะทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้ เป็นส่วนสำคัญจะขึ้นกับความ สามารถของพนักงานว่ามีมากพอที่จะขับเคลื่อนตนเองให้บรรลุเป้าหมาย มี เทคนิคการบริหารผลสำเร็จ หรือไม่
การพัฒนาพนักงานให้มีความรู้สึกมีส่วนร่วมกับองค์กร มีความเต็มใจที่จะผลักดันตนเองให้บรรลุเป้าหมายและสามารถเพิ่มผลผลิตหรือผลงานของตนในทุกช่วงเวลา ย่อมส่งผลถึงความสำเร็จขององค์กรได้ เป็น เทคนิคการเพิ่มผลผลิตที่ดีในการพัฒนาพนักงาน
แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า คนทำงานในระดับผู้จัดการต้องเผชิญกับความท้าทายและมัก มี การสื่อสารแบบ 360 องศา เพื่อ สร้างแรงจูงใจให้พนักงาน เพื่อ เพิ่มผลผลิตให้ทีมงาน
ทำให้พนักงานรู้สึกอยากจะทุ่มเทตนเองให้กับงาน ให้กับองค์กรนั้น สร้างผลงาน ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ ดังนั้นผู้จัดการจำเป็นที่จะต้องมีกลวิธีที่จะทำให้พนักงานของตนเองนั้นสามารถที่จะเพิ่มผลผลิตหรือเพิ่มความสามารถของตนเองเพื่อนำความสามารถที่เพิ่มขึ้นมาพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม
การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานต้องมีความพร้อมทั้ง 2 ฝ่ายคือผู้จัดการ และ พนักงาน โดยเฉพาะพนักงานต้องมีความยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น เพราะเมื่อไรก็ตามที่พนักงานไม่รู้สึกยินดีต่อความสำเร็จของตนเอง
ก็จะกลายเป็นการบังคับ กดดันพนักงาน ซึ่งผลที่ตามมาจะทำให้พนักงานไม่พอใจ ไม่อยากทำงาน มองเรื่องความสำเร็จเป็นเรื่องขององค์กร ไม่เกี่ยวกับตนเอง
ทำให้มีพฤติกรรมกลับมาเป็นอย่างเดิม คือ ไม่ขยัน ไม่มุ่งมั่น มีทัศนคติเป็นลบ ไม่มีแรงจูงใจ ที่จะบรรลุเป้าหมาย
แต่ถ้าพนักงานรู้สึกยินดีต่อ การบริหารการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ผลงานดีขึ้น ประสบความสำเร็จ และเป็นเช่นนี้นาน ๆ ก็จะทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ในองค์กร คือการช่วยกันสร้างผลงานทำให้ความสำเร็จเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานคือการให้พนักงานทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ โดยให้ทุกคนนำศักยภาพของตนเองมาพัฒนาองค์กร มีต้นทุนที่ต่ำลง มีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดที่องค์กรต้องการคือการให้พนักงานมีการสร้างแรงจูงใจ ที่ดีพอ ทำให้พนักงานทำงานอย่างทุ่มเทเพื่อความสำเร็จ หลักสำคัญของผู้จัดการคือการให้พนักงานได้รับแรงจูงใจที่ถูกวิธี ทำให้ทีมงานมีความต้องการบรรลุเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งทั้งหมดนี้คือภารกิจสำคัญของคนที่เป็นผู้จัดการต้องมี
ผลดีอีกประการของการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ไม่เพียงแค่ผู้จัดการจะบรรลุเป้าหมายองค์กร ทำให้การคิดของพนักงานมี ความคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ได้ดีขึ้น
แต่ยังเป็นการลดปริมาณการลดจำนวนคน และคนที่มีความสามารถพิเศษก็จะถูกพิจารณาให้ได้รับภาระหน้าที่ตามตำแหน่งที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการเพิ่มผลงานของพนักงาน ไม่สามารถกำหนดเป็นสูตรตายตัว
เพราะองค์ประกอบของความสำเร็จในการเพิ่มผลงานพนักงานจะขึ้นกับความพร้อมหรือเงื่อนไขของแต่ละคน ซึ่งคนที่เป็นผู้จัดการจำเป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบการเพิ่มผลงานพนักงานทั้งหมด
เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาเครื่องมือและเลือกนำวิธีการเพิ่มผลงานพนักงานมาใช้ให้เหมาะกับพนักงานแต่ละคน
ในการเพิ่มผลงานในการทำงานนั้น พนักงานหลายคนอาจอยู่ในวังวนของปัญหา มืดมนต์หาทางออกไม่เจอ
ทำให้ไม่มีการพัฒนาผลงานของตนเอง ดังนั้นหน้าที่ของผู้จัดการอัจฉริยะ จำเป็นต้องเข้าใจปัญหาอุปสรรคของพนักงานแต่ละคน ว่าพนักงานกำลังเผชิญปัญหาในการทำงานอะไรบ้าง
ทำไม..ผลงานไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พนักงานมักเจอมีดังนี้
- ขาดการสนับสนุนทรัพยากรที่ดีพอจากผู้จัดการ
- ไม่เข้าใจเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ขององค์กร ว่าจะให้ทำอะไร ทำอย่างไร
- ไม่มีดัชนีชี้วัดเป้าหมายที่ชัดเจน ถึงมีแต่พนักงานไม่ให้ความสนใจ
- ไม่มีการพัฒนาทักษะความรู้ในการทำงานทำให้ทักษะความรู้ที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการทำงาน
- ไม่มีความทุ่มเทในการค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ทำงานแบบเดิม ๆ ถึงแม้งานจะไม่พัฒนา
- ไม่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทีมงาน มองแค่งานของตนเองเป็นที่ตั้ง
- มีข้อขัดแย้งในการทำงาน ส่วนมากเป็นความไม่พอใจส่วนบุคคลมากกว่าเรื่องงาน
- มีการใช้อารมณ์ในการทำงานที่มากเกินไป ขาด ความคิดเชิงตรรกะ
- ไม่มี การวางแผนกลยุทธ์ เพื่อความเป็นเลิศทางธุรกิจ
ซึ่งภาระกิจสำคัญของการเป็นผู้จัดการคือการดูแลพนักงานให้ทุกคนภูมิใจและมีทัศนคติเป็นบวกต่อการทำงานของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ในทางปฏิบัตินั้นผู้จัดการอัจฉริยะจำเป็นต้องเข้าใจยุทธวิธีต่าง ๆ ที่จะนำมาช่วยให้พนักงานทุกคนรู้สึกพึงพอใจต่อการได้รับการสนับสนุนเพื่อทำให้พนักงานทุกคนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตนเองได้
ซึ่งการสนับสนุนจำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ 14 เทคนิคช่วยให้พนักงานมีผลงานเพิ่มขึ้น ให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล บรรลุเป้าหมายนั้น มีดังต่อไปนี้
1.มองเป้าหมายความสำเร็จเป็นที่ตั้ง
เมื่อไรก็ตามที่ทุกคนมีสมาธิต่อความสำเร็จของตนเอง ก็จะทำให้มีแนวทางการทำงานที่โฟกัสต่องานของตนเอง ไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ก่อประโยชน์ในการทำงาน ทำให้ผู้จัดการจะต้องเน้นการสร้างเป้าหมายที่ทุกคนมองเห็นและสามารถที่จะจับต้องได้
โดยทำให้พนักงานทุกคนมองเห็นถึงบทบาทและความรับผิดชอบของตนเองที่ต้องทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างชัดเจน เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางในการทำงานของตนเอง โดยที่สนใจเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากความรับผิดชอบของตนเองน้อยลงไป
วิธีการสำคัญที่จะเป็นเครื่องมือให้ผู้จัดการนำไปใช้คือการสร้างแผนผังการทำงานที่ชัดเจน จะทให้พนักงานทุกคนไม่หลุดประเด็นในการทำงานของตนเอง และมองเห็นภาพการทำงานที่ชัดเจน ความสำคัญลำดับต่อมาคือการรักษาระดับของความจริงจังต่อเป้าหมายของความสำเร็จเป็นเรื่องจำเป็นต่อการทำงาน
เพราะจะทำให้ทุกคนมองเห็นว่าศักยภาพของตนเองนั้น อยู่ใกล้หรือไกลกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ด้วย
2.บริหารจัดการทุก ๆ ขั้นตอนให้เป็นไปตามที่ความคาดหวัง
ในการทำงานนั้น ย่อมมีขั้นตอนของการทำงานที่ชัดเจน ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนสุดท้ายหรือผลลัพธ์ของงาน หน้าที่หลักของผู้จัดการคือความเข้าใจว่าในแต่ละขั้นตอนจะมีความคาดหวังหรือหัวใจของความสำเร็จในแต่ละขั้นตอน
และถ้าผู้จัดการสามารถที่จะช่วยให้พนักงานของเขาบรรลุตามความสำเร็จในแต่ละขั้นตอนเท่ากับโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายหรือการมีประสิทธิผลในการทำงานก็เพิ่มมากขึ้นทันที
วิธีที่นิยมนำมาใช้ในการค้นหาหัวใจความสำเร็จในแต่ละขั้นตอนคือการนำการเปรียบเทียบกับสิ่งที่ดีกว่า
สิ่งที่เป็นมาตรฐานจะทำให้ผู้จัดการเข้าใจถึงหัวใจในแต่ละขั้นตอนว่าตนเองนั้นทำได้ดีขนาดไหนเมื่อเทียบกับมาตรฐานที่เป็นอยู่
พนักงานเองก็ไม่รู้สึกกดดันต่อการทำงานเพราะสามารถที่จะประเมินตนเองกับเป้าหมายในแต่ละขั้นตอนได้ และถ้าทำไม่ได้ ผู้จัดการก็จะเข้าใจถึงจุดที่ต้องลงไปช่วยพนักงานคนนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้
3.ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบในหน้าที่การทำงานของพนักงานแต่ละคน
การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือ ทำให้ไม่มีผลงานออกมาเพราะพนักงานไม่รับผิดชอบต่องานที่ตนเองได้รับมอบหมาย ทำให้ทำงานได้ไม่ดีพอ ผลงานจึงไม่น่าภูมิใจเท่าที่ควร
ผู้จัดการจึงจำเป็นต้องทำให้พนักงานเห็นความสำคัญต่อความรับผิดชอบของตนเอง ก็จะทำให้การทำงานทุ่มเทต่อความรับผิดชอบของตนเองนั้น
ผู้จัดการจึงจำเป็นต้องเข้าใจถึงวิธีการในการให้ข้อมูลย้อนกลับที่ชัดจนทำให้พนักงานมองเห็นถึงสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำทำให้งานตนเองบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
และเมื่อไรก็ตามที่พนักงานไม่สามารถบรรลุตามความคาดหวัง หรือพนักงานไม่มีความรับผิดชอบที่ดีพอ
สถานการณ์เช่นนี้ผู้จัดการไม่ควรรอช้า จำเป็นต้องสร้างกลการสื่อสารที่เป็นรูปธรรมทำให้พนักงานมองเห็นแนวทางที่ตนเองจะปรับปรุงเพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานของตนเอง ด้วย การทำงานเป็นทีม
4.ติดตามผลงานของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
เป็นความท้าทายของผู้จัดการที่จะเข้าใจถึงความสามารถของพนักงานว่ามีความสามารถเพียงพอต่องานนั้น ๆ หรือ ไม่ และถ้าพนักงานไม่สามารถทำงานได้ดีพอ
ผู้จัดการต้องเข้าใจว่า มีช่องว่างของความสามารถของพนักงานกับเป้าหมายของความสำเร็จนั้นมีมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะช่วยทำให้ผู้จัดการจะมีเครื่องมือในการที่จะช่วยเหลือทีมงานให้บรรลุเป้าหมายได้นั้น
ผู้จัดการจำเป็นต้องมีการสำรวจความคืบหน้าของงานที่พนักงานทำ เทียบกับปริมาณงานที่ได้รับมอบหมายว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไร และถ้าผู้จัดการได้ทราบถึงผลงานของพนักงานเทียบกับความสำเร็จของงาน
ผู้จัดการก็สามารถที่จะมีเครื่องมือในการนำมาใช้ในการลดช่องว่างที่เกิดขึ้นทำให้ง่ายต่อการประเมินถึงสาเหตุที่ทำให้พนักงานทำงานได้ไม่ดีพอ และถ้าพนักงานไม่สามารถทำได้ดี ผู้จัดการก็สามารถที่จะลงไปให้การช่วยเหลืองานได้อย่างทันที ทำให้มีผลงานได้อย่างต่อเนื่อง
5.สื่อสารเรื่องเป้าหมายความสำเร็จเป็นระยะ ๆ
การสื่อสารภายในทีมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้จัดการ แต่มีผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทีทักษะในการสื่อสาร ทำให้ไม่สามารถนำพนักงานไปในทิศทางที่ตนเองต้องการได้
หัวใจของการสื่อสารนอกจากจะมีการสื่อสารที่มากพอ ยังคงต้องมีการสื่อสารที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นทักษะที่ผู้จัดการจำเป็นต้องศึกษาถึงวิธีการสื่อสารเพื่อให้พนักงานทุกคนเต็มใจที่จะทำงานให้อย่างเต็มที่
เพราะเมื่อไรก็ตามที่พนักงานมีความเข้าใจในหน้าที่ของตนเองอย่างชัดเจน ทั้งภาระหน้าที่และเป้าหมายที่ผู้จัดการต้องการจากพนักงานคนนั้น ๆ ก็จะทำให้พวกเข้าเริ่มงานและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6.ให้ข้อมูลย้อนกลับซึ่งกันและกันอย่างจริงใจและต่อเนื่อง
การให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้พนักงานมองเห็นสิ่งที่ตนเองทำลงไป และทำให้มีช่องว่างในการทำงาน ทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
การสร้างวัฒนธรรมการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะพนักงานจำนวนไม่น้อยที่ยังมองว่าการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นสิ่งไม่ดี หรือเป็นการจับผิด
ทำให้มีอคติในการทำงาน ไม่อยากพัฒนาตนเอง ผู้จัดการจึงจำเป็นต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจ เปลี่ยนทัศนคติในเรื่องการให้ข้อมูลย้อนกลับทำให้พนักงานมีความรู้สึกที่ดีต่อการนำมาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพงานของตนเอง
การให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นสิ่งสามารถทำควบคู่ไปกับการพัฒนาความรู้ ความสามารถของพนักงาน ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือกำหนดวิธีฝึกอบรมพนักงานในรูปแบบต่างๆ ในอนาคตได้เช่นกัน
7.ให้รางวัลตามแนวทาง “สำเร็จร่วมกัน ดีด้วยกัน”
การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานอยากจะพัฒนาตนเอง ต้องการให้ตนเองมีความก้าวหน้านั้น
การกระตุ้นที่ดีที่สุดคือการทำให้ทุกคนเห็นประโยชน์ต่อการทุ่มเทการทำงาน และตามด้วยการให้รางวัลที่จะทำให้ทุกคนมีกำลังใจในการที่จะยกระดับประสิทธิภาพงานของตนเอง
การเสนอให้ค่าตอบแทนเพิ่มเติมหรือ Incentives จะเป็นตัวช่วยสำคัญทำให้พนักงานอยากทุมเทตนเองให้ทำงานให้ดียิ่งขึ้น
หนังสือแนะนำ


8.พัฒนาพนักงานอย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจะสอดคล้องไปกับความรู้ ทักษะและความสามารถของพนักงาน ผู้จัดการจำเป็นต้องพัฒนาทักษะความรู้ของพนักงานให้เป็นไปตามคาดหวังที่สอดคล้องต่อเป้าหมายขององค์กร
ขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาทักษะความรู้ของพนักงานคือการกระตุ้นให้พนักงานทุกคนเห็นความสำคัญต่อการพัฒนาของตนเอง
อยากพัฒนาตนเองและนำสิ่งที่ได้จากการพัฒนาตนเองมาใช้ในการทำงาน ซึ่งถ้าผู้จัดการสามารถทำได้เช่นนี้ ประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานจะเพิ่มขึ้นในทันที ดังที่องค์กรใหญ่ ๆ
มักบอกว่าการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดคือการพัฒนากับคน ให้มีความรู้ตามที่คาดหวัง และคนนั้นจะนำไปต่อยอดความสำเร็จต่อไป ด้วย การสร้างทีมให้ปัง
9.ไม่มองข้ามเมื่อพนักงานทำงานได้สำเร็จ โปรโมทเมื่อมีผลงาน
ในการทำงานนั้น พนักงานทุกคนต่างคาดหวังผลงานที่ตนเองทำลงไปจะได้รับการยอมรับจากผู้จัดการ
แต่ความเป็นจริงนั้นผู้จัดการหลายคนที่เข้าใจผิดคิดว่าการที่พนักงานทำได้คือภาระหน้าที่ที่พนักงานต้องทำ
เป็นปกติของพนักงานทุกคน จึงไม่ต้องทำอะไร เช่น สถานการณ์การทำงานที่พนักงานทำงานได้ดี บรรลุเป้าหมาย หน้าที่หลักของผู้จัดการจำเป็นต้องให้การชื่นชม ให้เกียรติหรือ ถ้าเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ทำให้ทุกคนรับได้ ผู้จัดการก็จำเป็นต้องสนับสนุนด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่มากยิ่งขึ้นเช่นการโปรโมท การขึ้นค่าตอบแทนเป็นต้น ทำให้ทุกคนเห็นและมีกำลังใจที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตนเองมากขึ้น
10.ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ ๆ
ความสำเร็จไม่มีเรื่องเดียว แต่จะทราบได้อย่างไรว่าอะไรคือสิ่งที่องค์กรหรือตนเองอยากประสบความสำเร็จ การเปิดโอกาสทางความคิด หรือการมองสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นโอกาส
จะเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนอยากที่จะค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ทำให้ได้งานที่แปลกใหม่ น่าสนใจ และถ้าทุกคนทำสิ่งนั้นได้ประสบความสำเร็จ ก็จะเกิความภาคภูมิใจในการทำงานของตนเอง
ธุรกิจในหลายอย่างที่เริ่มต้นจากการทำสิ่งหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
การวิเคราะห์หรือการมองโอกาสไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อไรห็ตามที่พนักงานต้องทำงานคนเดียว หรือ ต้องไปประจำที่ไม่มีเพื่อนร่วมงานน้อย
จะทำให้ความคิดหรือมุมมองถดถอย คือมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องลบ ๆ เช่น คำพูดที่ได้ยินบ่อย ๆ เช่น มันยากนะ เราทำไม่ได้หรอก เราไม่เคยทำสิ่งนี้นะ
11.ให้อำนาจและมีความยืดหยุ่นในการทำงาน
มนุษย์ทุกคนเรียกร้องหาอิสรภาพ ซึ่งคำว่าอิสรภาพในการทำงานคือการที่มีโอกาสที่จะทำงานภายใต้แนวทางที่ตนเองอยากเป็น
การที่ผู้จัดการไปครอบงำความคิดและการกระทำของพนักงานมากเกินไป จะทำให้พนักงานรู้สึกอึดอัด ไม่อยากทำงานและไม่อยากคิดสิ่งใหม่ ๆ
ทำให้พนักงานไม่มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตนเอง แนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่สำคัญ คือการที่ผู้จัดการจะมอบหมายหน้าที่ ให้อำนาจ และมีการทำงานที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์หน้างานที่พนักงานคนนั้นกำลังกระทำอยู่ แนวทางเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าพนักงานไม่มีศักยภาพหรือความรู้ความสามารถที่ดีพอ ผู้จัดการจึงจำเป็นที่จะต้องให้ความรู้ความสามารถกับพนักงานที่มากพอ ทำให้พนักงานคนนั้นสามารถที่จะนำความรู้ไปทำงานหรือมีวิจารณญาณที่ดีพอในการตัดสินใจในสิ่งที่ตนเองทำ ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
12.ร่วมฉลองกับความสำเร็จที่ได้มา
ทักษะที่สำคัญในการบริหารงาน คือทักษะการทำงานและทักษะเรื่องคน ซึ่งทั้ง 2 ทักษะนี้เป็นทักษะที่ผู้จัดการจำเป็นต้องมี โดยที่ไม่มองว่าทักษะใดสำคัญกว่าทักษะใด คือจำเป็นต้องมีทั้ง 2 ทักษะควบคู่กันไป แต่ในทางปฏิบัตินั้น ผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่ทุ่มเทให้กับทักษะเรื่องงานมาก ๆ
ทำให้เกิดช่องว่างในการบริหารงานระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง และที่แย่ไปกว่านั้นมองความสำเร็จของทีมงานเป็นความสำเร็จของผู้จัดการเอง
ทั้ง ๆ ที่ความสำเร็จเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานหนักของพนักงานทุกคน และเมื่อทุกคนทำงานได้ประสบความสำเร็จ ผู้จัดการจึงจำเป็นที่จะต้องฉลองความให้กับทีมงานทุกครั้ง การฉลองความสำเร็จจะเป็นตัวช่วยทำให้ทุกคนมีแรงจูงใจ อยากทำงาน
อยากประสบความสำเร็จเช่นนี้ตลอดเวลา ซึ่งการฉลองความสำเร็จ ผู้จัดการอาจจะใช้วิธีการชวนกันไปทานข้าวด้วยกัน การกล่าวชมเชยในที่ประชุม การเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว ล้วนเป็นวิธีที่ทำให้พนักงานภูมิใจและอยากทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น
13.ช่วยกันค้าหาตัวช่วยมาทำให้งานง่ายขึ้น สำเร็จง่ายขึ้น
เป็นเรื่องจริงของหลายองค์กรที่ยังไม่นำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้เพื่อทำงาน ทำให้งานของพนักงานออกมาล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ และลูกค้าเกิดความไม่น่าเชื่อถือ และสุดท้ายไม่ทำธุรกิจร่วมดัวย
หน้าที่ของผู้จัดการจึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นตัวช่วยสำคัญ ทำให้พนักงานมีการทำงานที่ง่ายขึ้น ผิดน้อยลง ทำซ้ำได้หลายครั้ง
นอกจากการนำเทคฺโนโลยีมาใช้ ยังมีวิธีอีกมากมายที่นำมาใช้ เพื่อทำให้พนักงานทำงานได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น เช่นการมีรถเพื่อการเดินทาง หรือการให้ใช้เครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ ที่ใช้ในการตอบแชทกับลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
14.สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ช่วยเหลือกัน
คำพังเพยที่ว่า คบคนพาลพาพาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล ยังใช้ได้ตลอดกาล เพราะเมื่อไรก็ตามที่ผู้จัดการสามารถสร้างวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมให้คนหมู่มากคิดเห็นไปในทางใด
คนส่วนน้อยที่คิดต่างก็จะคิดเห็นเช่นกันกับคนหมู่มาก ดังนั้น ถ้าผู้จัดการสามารถสร้างให้ทุกคนได้ช่วยเหลือกัน ให้ความสำคัญของการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ผลที่ตามมาก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จไปด้วยกัน เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราอยู่ท่ามกลางคนที่ประสบความสำเร็จ เราย่อมอยากประสบความสำเร็จ
การสร้างวัฒนาธรรมการช่วยเหลือกัน ยังเป็นการสร้างบรรยากาศของการทำงานเป็นทีม การให้ความสำคัญของคนทุกคนในทีมงาน การให้อภัยเมื่อคนอื่นทำผิดโดยไม่ตั้งใจ การให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้
การให้คำแนะนำ หรือ การสอนงานซึ่งกันและกัน จะเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้พนักงานคนนั้นอยากประสบความสำเร็จ และมองเรื่องการประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป การสร้างวัฒนธรรมความสำเร็จยังเป็นการสร้างสังคมที่อบอุ่นทำให้ทุกคนอยากทำงาน ไม่กดดัน ไม่เครียด เมื่อใดที่พนักงานมีความสุขในการทำงาน ผลงานหรือประสิทธิภาพในการทำงานก็จะเกิดขึ้นในทันที
ผู้จัดการอัจฉริยะ จึงจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นหรือสร้างแรงจูงใจให้คนที่ทำงานพยายามค้นหาโอกาสใหม่ๆ โดยให้มองทุกส่งทุกอย่างรอบตัวเป็นโอกาส สามารถทำได้ ถ้าพนักงานคิดได้เช่นนี้ ความยากลำบากในการบริหารทีมงานก็ลดลง แต่ในทางกลับกันผลงานในการทำงานก็เพิ่มขึ้นในทันที
หน้าที่หลักของผู้จัดการ คือการที่จะทำอย่างไรให้พนักงานมีผลงานที่ดี มีประสิทธิภาพในการทำงานทุกวัน และขอให้ผู้จัดการเข้าใจว่า เมื่อไรก็ตามที่พนักงานทำงานไม่ดี เป็นความผิดของผู้จัดการเอง
จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้จัดการต้องพยายามที่จะเพิ่มผลงานในการทำงานของพนักงาน เพื่อให้ได้ผลผลิตตามที่องค์กรคาดหวัง แนวคิดเช่นนี้ ผู้จัดการจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง หยุดไม่ได้ เหมือนการจุดไฟใส่กองฟืน
ผู้จัดการต้องคอยที่จะให้ไฟที่จุดนั้นลุกโชติช่วงตลอดเวลา เป็นการ จุดประกายความคิด สร้าง ความคิดสร้างสรรค์ และขยายวงกว้างออกไป จนหัวใจพนักงานทุกคนพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน ทำให้พนักงานทุกคนทำงานแบบไฟลุก องค์กรจะบรรลุเป้าหมายได้ง่าย เป็นองค์กรที่หนือคู่แข่งหลายขุม..สู้ ๆ นะครับ
ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบในหน้าที่การทำงานของพนักงานแต่ละคน
ติดตามผลงานพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
ไม่มองข้ามเมื่อพนักงานได้สำเร็จโปรโมทเมื่อมีโอกาส
สื่อสารเรื่องเป้าหมายความสำเร็จเป็นระยะ
ให้รางวัลตามแนวทางสำเร็จร่วมกันดีด้วยกัน
ควรใสใจในการพูดคุยประชุมต่อกะ
สร้างความเข้าใจในงานและลด
ควมตึงเครียด
ส่งกะงานโดยมีการ วางแผน จัดการ
สื่อสารี่ชัดเจนและจ่ายงาน
ควรโฟกัสในงานที่สำคัญเรียงลำดับก่อนหลัง
ติดตามวัดผลงานอย่างสม่ำเสมอ
มีการชมเชยทุกครั้งทุกครั้งเมื่อพนักงานบรรลุเป้าหมาย
14 เทคนิคช่วยให้พนักงานมีผลงานเพิ่มขึ้น ให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล บรรลุเป้าหมายนั้น มีดังต่อไปนี้
1.มองเป้าหมายความสำเร็จเป็นที่ตั้ง
2.บริหารจัดการทุก ๆ ขั้นตอนให้เป็นไปตามที่ความคาดหวัง
3.ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบในหน้าที่การทำงานของพนักงานแต่ละคน
4.ติดตามผลงานของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
5.สื่อสารเรื่องเป้าหมายความสำเร็จเป็นระยะ ๆ
6.ให้ข้อมูลย้อนกลับซึ่งกันและกันอย่างจริงใจและต่อเนื่อง
7.ให้รางวัลตามแนวทาง “สำเร็จร่วมกัน ดีด้วยกัน”
8.พัฒนาพนักงานอย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง
9.ไม่มองข้ามเมื่อพนักงานทำงานได้สำเร็จ โปรโมทเมื่อมีผลงาน
10.ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ ๆ
11.ให้อำนาจและมีความยืดหยุ่นในการทำงาน
12.ร่วมฉลองกับความสำเร็จที่ได้มา
13.ช่วยกันค้าหาตัวช่วยมาทำให้งานง่ายขึ้น สำเร็จง่ายขึ้น
14.สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ช่วยเหลือกัน
จากการอ่านบทความผมได้ข้อคิดและแนวทางกาบริหารทีมงานมากขึ้น สิ่งไหนที่ไม่รู้มาก่อน ก็ได้รู้และสามารถนำมาใช้กาประกอบแนวทางการบริหารทีมงานให้ การทำงานบรรลุเป้าหมายไปพร้อมกับทีมงาน
สิ่งสำคัญคือเวลา เราบริหารคนทีมงานเรามีหลากหลายอารมณ์ และตัวเราต้องรู้จักนิสัยทีมงานแต่ลัคนและต้องมีวิธีสื่อสารที่ดีต่อทีมงาน ให้ทีมงานเข้าใจว่าตัวเราต้องการให้ทีมงานทำงานไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อไป
การที่จะช่วยให้พนักงานมีผลงานเพิ่มขึ้นอีกอย่างก็คือ การเปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงสนด้วย
เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานแนะแนว แนะนำการใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ
เพื่อให้พนักงานสามารถนำไปต่อยอดได้ เพื่อความก้าวหน้าในอนาคต
มันสามารถทำให้รู้ว่า เช้ามาเป้าหมายของเราในแต่ละวันเราต้องทำอะไรมันเป็นการเรียนรู้การเรียนรู้ของเรามาจากเพื่อนร่วมงานมาจากงานที่หัวหน้ามอบหมายให้เราทำเพราะฉะนั้นการที่ทำให้เรามีผลงานเพิ่มขึ้นส่วนตัวแล้วมองว่ามันเป็นงานที่เราทำอยู่แล้วแต่เราแค่ยิ่งทำมันให้ดียิ่งยิ่งขึ้นไปอีก
มองเป้าหมายไปทางเดียวกัน และหน้าที่ความรับผิดชอบ ความใส่ใจ ร่วมกันหาโอกาสใหม่และไม่ควรมองข้ามกัน
ต้องมีการตั้งเป้าหมายการทำงาน ติดตามความสำเร็จงานของทีม และชื่นชมอย่างจริงใจ งานจะสำเร็จไม่ ได้ถ้าไม่ร่วมมือ ร่วมใจ ช่วยเหลือกัน หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น อย่าโทษใคร เปลี่ยนเป็นการให้อภัยกัน แล้วช่วยกันแก้ไข
อ่านจากบทความด่านบนทำให้รู้ว่าเรายังขาดบางอย่างไปพอสมควร และทำให้รู้ว่าเรายังสามารถพัฒนาตัวเองได้อีกเยอะ อาจจะยังไม่สามารถทำได้ 100 % แต่ควรเริ่มและทำอย่างสม่ำเสมอบางทีดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยแต่ทำแล้วมันช่วยได้จริงๆ
บทบาทของผู้จัดการ ผู้จัดการต้องมีทักษะในการบริหารทีมเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยการสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายองค์กร: ทุกคนควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายหลักขององค์กร
14 เทคนิคเพิ่มผลงานของพนักงาน
มุ่งเน้นเป้าหมายความสำเร็จ ช่วยให้พนักงานโฟกัสกับงานหลักอย่างชัดเจน เพื่อลดการเสียเวลาไปกับงานที่ไม่สำคัญ
บริหารจัดการทุกขั้นตอน ควบคุมกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ตั้งไว้
เน้นความรับผิดชอบในงาน สร้างความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของแต่ละคน
ติดตามผลงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินความก้าวหน้าและปรับปรุงงานได้ทันที
สื่อสารเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานเข้าใจทิศทางและเป้าหมายของทีม
ให้ข้อมูลย้อนกลับอย่างจริงใจ ใช้เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน
สร้างแรงจูงใจด้วยรางวัล ส่งเสริมความทุ่มเทในการทำงานด้วยการให้รางวัลที่เหมาะสม
พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ลงทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาความรู้ใหม่ ๆ
ยกย่องเมื่อมีผลงาน การชื่นชมและโปรโมทเป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดี
สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ กระตุ้นให้พนักงานรักการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม สร้างบรรยากาศที่สนับสนุนการทำงานร่วมกัน
เข้าใจปัญหาของพนักงาน ช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน
ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง พัฒนาความยืดหยุ่นในการทำงานเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น
สร้างวัฒนธรรมองค์กรเชิงบวก ส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและแรงจูงใจ
ข้อสรุป
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานไม่ใช่เพียงการสั่งการ แต่ต้องอาศัยการสนับสนุน ความเข้าใจ และการสร้างแรงจูงใจอย่างถูกวิธี ผู้จัดการควรเป็นผู้นำที่ไม่เพียงแต่กำหนดเป้าหมาย แต่ต้องช่วยให้ทีมเห็นคุณค่าในงานที่ทำและเติบโตไปพร้อมกับองค์กร
การให้พนักงานได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ จะช่วยให้พวกเขารู้สึกเป็นเจ้าของงานมากขึ้น แล้วก็จะทุ่มเทกับมันมากกว่าเดิม
อีกวิธีที่อยากแนะนำคือการให้รางวัลกับความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไปนะคะ ลองคิดดูว่าอะไรจะสร้างแรงจูงใจให้กับทีมได้ดีที่สุด บางทีอาจเป็นวันหยุดพิเศษ คำชม หรือแม้แต่วันสบาย ๆ ที่ได้ทำกิจกรรมสนุก ๆ ด้วยกันก็ได้
นอกจากนี้ การให้โอกาสพนักงานได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ก็สำคัญมาก ๆ เลย ลงทุนกับการฝึกอบรมหรือส่งเสริมให้พวกเขาเข้าร่วมสัมมนาต่าง ๆ รับรองว่าพวกเขาจะรู้สึกขอบคุณที่มองเห็นศักยภาพของพวกเราหรือเขา และยังช่วยให้พวกเราทำงานได้ดีขึ้นด้วย
สรุป 14 เทคนิคช่วยให้พนักงานมีผลงานเพิ่มขึ้น
การที่จะให้พนักงานมีผลงานที่เพิ่มมากขึ้น ควรเริ่มจากการมอบหมายงานและบอกถึงผลลัพธ์ที่คาดไว้ โดยทำให้พนักงานมองเห็นถึงเป้าหมายที่จะได้รับจากการทำงานนี้ และกำหนดเป้าหมายไปเป็นทีละขั้นๆ เพื่อที่จะมองเห็นความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
– ทำให้พนักงานเห็นความสำคัญในงานที่ตัวเองได้รับผิดชอบ
– ติดตามผลงานของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พนักงานมีความรู้สึกว่ามีหัวหน้าคอยดูแลและพร้อมที่จะช่วยเหลืออยู่เสมอ
– ให้ฟีดแบ็คกับพนักงานอย่างจริงใจ เพื่อที่จะทำให้พนักงานรู้ว่ามีส่วนไหนที่ดีและส่วนไหนที่ต้องปรับปรุง
– สร้างแรงจูงใจต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนเพิ่มเติม หรือ Incentives
– ให้พนักงานได้พัฒนาความรู้ความสามารถอย่างสม่ำเสมอ เช่น การฝึกอบรม
– เมื่อพนักงานทำงานสำเร็จ ควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับความสำเร็จนั้นๆ เพื่อให้พนักงานมีกำลังใจในการทำงานอื่นต่อไป เช่น การชมเชย การเลี้ยงฉลองความสำเร็จ
– ไม่กดดันหรือครอบงำความคิดของพนักงานมากเกินไป เพื่อนให้พนักงานได้มีอิสระในการทำงาน รวมถึงได้มองเห็นความสามารถของพนักงานเพิ่มขึ้น
– ช่วยกันค้นหาเครื่องมือหรือวิธีการที่จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น
– สร้างวัฒนธรรมองค์กรในเรื่องของการทำงานเป็นทีม การช่วยเหลือกัน เผื่อผลักดันให้คนในองค์กรมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีทัศนคติที่ดีไปด้วยกัน
การที่จะบรรลุเป้าหมายได้ผู้จัดการต้องมีการเข้าถึงลูกน้องในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะ การสร้างแรงจูงใจ เป็นขวัญกำลังใจให้กันในการทำงาน การสื่อสารพูดคุยกัน การทำงานที่เป็นขั้นเป็นตอน สร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม ช่วยเหลือแบ่งปันความรู้ให้กัน การได้ทำงานในบรรยากาศที่ดี ทีมที่ดีก็จะผลักดันให้พนักงานได้พัฒนาและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ค่ะ
กำหนดเป้าหมาย จากงานที่เราได้รับมมอบหมาย
มองความสำเร็จให้เหมือนขั้นบันได
ค่อยๆ ใต่
ให้กำลังใจกับเพื่อนร่วมงาน การสนับสนุนให้มีเป้าหมาย และกำลังใจ เพื่อที่จะพัฒนาไปพร้อมๆกัน
สร้าง บรรยากาศ อิสระการทำงาน ให้มีความสุข ไม่กดดัน หรือ เป็นทางการมากเกินไป
ค้นหาวิธีการพัฒนางาน ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
ทัศนคติในการทำงาน ให้คิดบวก มองโลกในแง่ดี เชื่อว่าสิ่งเหล่าทำให้พนักงานมีผลงาน มีเพิ่มมากขึ้นแน่นอนค่ะ
เพื่อที่จะให้ทีมงานนั้นทุ่มเทในการใช้พลังงานของตัวเองทั้งหมดเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร
-ผู้จัดการหรือตัวเราเองต้องมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาทีมงาน เราต้องเข้าใจว่าพื้นฐานของงานคืออะไรต้องเข้าใจความสามารถของทีมงานว่ามีส่วนไหนต้องพัฒนาหรือปรับปรุง
-ผู้จัดการต้องมองเห็นข้อบทบกพร่องของทีมงานจึงต้องการพัฒนาพนักงานให้ดีขึ้นแต่ที่สำคัญผู้จัดการต้องมองเห็นข้อบทบกพร่องของทีมงานจึงต้องการพัฒนาพนักงานให้ดีขึ้นแต่ที่สำคัญผู้จัดการไม่ควรมองข้ามข้อบกพร่องของตนเอง เพราะอาจทำให้เพราะอาจทำให้ตนเองไม่ได้มีการพัฒนา
หลักสูตรนี้ ทำให้เราเข้าใจถึงการทำงานหน้าที่ของหัวหน้ามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหัวข้อการติดตามงานอย่างสม่ำเสมอ และตั้งเป้าหมายในการทำงานให้กับเรา ข้อนี้ทำให้เราเข้าใจในมุมมองของหัวหน้าว่าต้องการผลักดันกระตุ้นให้เราพัฒนาตัวเอง และมีกระตือรือร้นในการทำงานอยู่สม่ำเสมอ
สร้างความเข้าใจในงานและลด
ควมตึงเครียด
ส่งกะงานโดยมีการ วางแผน จัดการ
สื่อสารี่ชัดเจนและจ่ายงาน
ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบในหน้าที่การทำงานของพนักงานแต่ละคน
ติดตามผลงานพนักงานอย่างสม่ำเสมอ
ไม่มองข้ามเมื่อพนักงานได้สำเร็จโปรโมทเมื่อมีโอกาส
สื่อสารเรื่องเป้าหมายความสำเร็จเป็นระยะ
– ตั้งเป้าหมายการทำงาน
– ติดตามความสำเร็จงานของทีม
– ชื่นชมอย่างจริงใจ
งานจะสำเร็จไม่ ได้ถ้าไม่ร่วมมือ ร่วมใจ ช่วยเหลือกัน หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น อย่าโทษใคร เปลี่ยนเป็นการให้อภัยกัน แล้วช่วยกันแก้ไข
เราสามมารถนำสิ่งที่เรียนรู้
นำไปใช้ในการทำงานจริงได้
ไม่มองข้ามความสำเร็จของ พนักงาน
บทบาทที่สำคัญของหัวหน้างาน
-ทัศนคติเชิงบวกกับงาน และเพื่อนร่วมงานเป็นสิางสำคัญ
-มีความเอื้อเฟื้อ พร้อมช่วยเหลือน้อง ๆและเพื่อนร่วมงาน
-มีคำชมเสมอเมื่อน้องๆทำได้อย่างถูกต้องเพื่อสร้างกำลังใจ
-มีความคิดสร้างสรรพร้อมนำเสนอ
-สร้างความรัก ความเข้มแข็งและสามัคคี ส่งผ่านไปถึงน้องๆ และเพื่อนร่วมงาน
ความรู้ที่ได้จากการอ่านบทความเทคนิคช่วยให้พนักงานมีผลงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้เข้าใจบทบาทของหัวหน้างานและบทบาทของลูกน้องเพิ่มมากขึ้น และสามารถนำวิธีการไปใช้ฝึกฝนเพื่อนำไปปฏิบัติในทีมงาน ให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพและมีผลงานเพิ่มมากขึ้น
สิ่งที้สำคัญมากๆ ในการทำงานคือเป้าหมายต้องชัดเจน และการสื่อสารในทีมงานก็ต้องชัดเจนเช่นเดียวกันคะ
สูตรนี้ทำให้เข้าใจการนำเสนอเทคนิคที่ผู้จัดการสามารถใช้เพื่อพัฒนาผลงานของพนักงานให้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การสร้างแรงจูงใจ การมีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการให้คำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและมุ่งมั่นในการทำงาน นอกจากนี้ยังเน้นการเพิ่มผลผลิตและความสามารถในการทำงานที่มีคุณภาพ โดยทั้งหมดนี้จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ.
ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
หาวิธีการที่จะพาธีมให้บรรลุเป้าหมาย
เป็นpower ให้กับลูกธีม
และวางแผนเพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด
แก้ปัญหาในระหว่างการทำงาน
ผู้จัดการมีบทบาทอย่างมากในการช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น โดยผู้จัดการจะเป็นผู้แนะแนวและชี้นำให้ลูกน้องไปสู่เป้าหมายที่ประสบความ
สำเร็จ ผู้จัดการต้องสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนรู้สึกถึงความสำเร็จร่วมกัน เปิดโอกาสให้พนักงานแสดงศักยภาพและแนวคิดใหม่ๆ มีการสื่อสารที่ดี และ
ชื่นชมพนักงงานที่ทำได้ดี รวมถึงช่วยเหลือและให้คำแนะนำพนักงานที่ยังต้องพัฒนาตัวเอง
1 กำหนดเป้าหมายและขอบเขตในการทำงาน ของแต่ละคน อย่างชัดเจน
2 การติดตามผล การเข้าใจหัวใจของแต่ละขั้นตอนสามารถสื่อสารได้ เพราะทุกprocessคือจิ๊กซอชิ้นสำคัญ ที่จะต่อเป็นภาพใหญ่ เสมอ
3 สามารถสื่อสารได้ว่าแต่ละหน้าที่ของแต่ละคนที่ต่างกันมีความสำคัญต่อการ บรรลุเป้าหมายอย่างไร สามารถให้ Feedback ที่เป็นรูปธรรมเข้าใจได้ เพื่อ ไม่สนใจแก้ไข จนบกพร่อง ของแต่ละคน ตอนนี้พนักงานเข้าใจ ข้อผิดพลาดของตนเอง
4 การติดตามผลงานพนักงาน เพื่อให้รู้ถึงจุดแข็งจุดอ่อนของแต่ละคน เราสามารถแก้ไขจุดบกพร่องหรือ ในจุดที่งานมีปัญหาของแต่ละคน ได้
5 การสื่อสารเป้าหมายความสำเร็จเป็นระยะๆ เพื่อให้พนักงานที่ตัวเองทำไป มีข้อผิดพลาดตรงไหน ในจุดที่ทำได้ดีตรง มีความสามารถในการสื่อสาร อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจเห็นภาพ นำไปปรับปรุงใช้ได้
6 การให้ Feedback ในการทำงานซึ่งกันและกัน มีความสำคัญอย่างมากในการ พัฒนาและปรับปรุง ข้อบกพร่องของแต่ละคน การสร้างวัฒนธรรม การ Feedback อย่างตรงไปตรงมา ประชาสัมพันธ์ที่ผู้จัดการต้องทำให้เกิดขึ้นในสถานที่ทำงานหรือบรรยากาศการทำงาน
7 รางวัล เป็นส่วนหนึ่งใน การสร้างแรงจูงใจ ในการพัฒนาตนเอง เพื่อกระตุ้นให้พนักงาน มองเห็นถึงประโยชน์ของการพัฒนา ตนเอง อย่างเป็นรูปธรรม
8 การกระตุ้นให้พนักงานมองเห็น ถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด
9 การไม่มองข้ามความสำเร็จ ของพนักงาน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือเกิดขึ้นบางครั้ง จุดสำคัญคือการ สื่อสารให้คนในทีมหรือว่า มี คนประสบความสำเร็จทำงานได้ดี ต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานรู้สึกว่าสิ่งที่ ทุ่มเท ทำลงไปไม่สูญเปล่ามีคนเห็น
10 ร่วมกัน ค้นหาโอกาสใหม่ๆ ร่วมกับทีมอยู่เสมอ โดยคำต้องห้ามหรือความคิดต้องห้ามเลยคือความล้มเหลว มันยาก ความกลัว ความผิดพลาด
11 ให้โอกาสพนักงานได้โชว์ ศักยภาพ อย่างยืดหยุ่น โดยการมอบหน้าที่การตัดสินใจในงานสำคัญๆเป็นครั้งคราว ให้กับพนักงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ ในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
12 ร่วมฉลอง ความสำเร็จ ที่ได้มา เพื่อให้ ขอสำเร็จที่เกิดขึ้นมีคุณค่า ทำให้ พนักงาน มีความมุ่งมั่นที่จะ ทำงานให้ประสบ ผลสำเร็จ ให้มากขึ้น
13 การหาตัวช่วยเพื่อมาทำให้ งานเผาทิ้งง่ายขึ้น เช่นกันเราเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการทำงาน ที้งการ ทำงานใหม่ๆ หรือข้อผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น
14 การสร้างวัฒนธรรม แลกเปลี่ยนความรู้ ช่วย กัน comment ข้อบกพร่องและวิธีการแก้ไข ซึ่งกันและกันภายในทีม เพื่อนำไปสู่การพัฒนา คนแต่ละคน อย่างต่อเนื่องในการทำงาน เพิ่มมากขึ้น การให้กำลังใจ ซึ่งกันและกันในทีม เมื่อมี ข้อผิดพลาด หรือมีปัญหาเกิดขึ้น
สร้างแรงจูงใจให้พนักงาน เพื่อ เพิ่มผลผลิตอยากเต็มใจ
ให้ความรู้เพิ่มเติม ด้านที่ถูกต้องแก่พนักงาน
มองเป้าหมายเป็นที่ตั้ง ให้ความสำคัญกับงานที่มอบหมาย ให้พนักงานทำ
ติดตามผลงาน คุยเรื่องเป้าหมายเป็นระยะๆ
ไม่มองข้ามเมื่อพนักงาน ทำงานนั้นๆสำเร็จ โดยการชม หรือ โปรโมท
ให้อำนาจ และยืดหยุ่น ในการทำงาน
หาตัวช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น
ร่วมฉลองความสำเร็จ ที่ได้มา
และทำงานเป็นทีม
ตั้ง KPI ในการทำงานของแต่ละคน
เพื่อผลักดันให้เขาได้แสดงผลงาน
เทคนิคช่วยให้พนักงานมีผลงานเพิ่มขึ้น
กำหนดเป้าหมายหรือ KPI ให้ข้อมูลที่ชัดเจน รวมถึงจ่ายงานและกำหนดผู้รับผิดชอบให้เหมาะสม ติดตามผลการทำงาน สื่อสารกันเป็นระยะๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันร่วมถึงช่วยการมองงานวิธีการทำงานให้ได้ผลดีร่วมกัน มีรางวัลสำหรับทีมงาน ส่งเสริมพัฒนาทักษะอย่างสม่ำเสมอ และหาเครื่องมือหรือตัวช่วยให้กับพนักงาน เพื่อให้ทำงานสำเร็จได้ง่ายและดียิ่งขึ้น