14 ทักษะ การสื่อสาร ภายในองค์กร ที่มีประสิทธิภาพ เป็น วิธีการพัฒนาทักษะการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อสร้างความพึงพอใจในการสื่อสาร ทั้งคนส่งสารและคนรับสาร ซึ่งเป็น ทักษะการสื่อสารที่ไม่ยากอย่างที่คิด ทำให้ทุกคนนำทักษะเหล่านี้ไปใช้ได้ทันที
14 ทักษะ การสื่อสาร ภายในองค์กร ที่มีประสิทธิภาพ
ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย
การสื่อสาร คือ หัวใจสำคัญที่จะทำให้พนักงานทุกคนร่วมแรง ร่่วมใจ ในการสร้างผลสำเร็จในการทำงาน
พนักงานหลายคนมักเข้าใจผิด ทำให้การสื่อสารออกมาไม่ดี เพราะ คิดว่า ทักษะการสื่อสารภายในองค์กร ที่มีประสิทธิภาพ คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน หรือระหว่างกลุ่มเท่านั้น แต่ความจริง ทักษะการสื่อสารภายในองค์กรมีความสำคัญต่อพนักงานทุกคน และพนักงานทุกระดับภายในองค์กร เพราะทักษะการสื่อสารภายในองค์กรเป็นมากกว่า การพูด การคุย การแชร์ประสบการณ์เท่านั้น
แต่ทักษะการสื่อสารภายในองค์กร จำเป็นต้องทำความเข้าใจอารมณ์และความตั้งใจ ของผู้สื่อสารที่จะสามารถถ่ายทอดข้อความได้อย่างชัดเจน สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งผู้สื่อสารและผู้รับสาร ยังต้องมีทักษะการฟังที่กระตือรือร้น ที่จะทำให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของสิ่งที่กำลังสื่อสารออกมา
ความเข้าใจผิดอีกเรื่องคือ เข้าใจว่า ทักษะการสื่อสารภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ เป็นสัญชาตญาณ ของคนแต่ละคนที่มี จุดประสงค์ในการสื่อสาร ออกมา แต่บ่อยครั้ง ทำไมการสื่อสารภายในองค์กร ยังคงผิดพลาด เช่น สื่อสารพูดอย่างหนึ่ง คนฟังเข้าใจเป็นอีกอย่างหนึ่งสร้างความเข้าใจผิด ไม่พอใจ งานไม่ก้าวหน้า หรือความคับข้องใจ และความขัดแย้งตามมา สิ่งนี้เกิดในที่ทำงาน ทำให้ความสัมพันธ์ในที่ทำงานเสียไป
การเรียนรู้ ทักษะการสื่อสารภายในองค์กร ที่มีประสิทธิภาพ จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กรให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สร้างความไว้วางใจ สร้างการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี มีศรัทธาและความเคารพซึ่งกันและกันมากขึ้น สามารถนำไปพัฒนาการทำงานเป็นทีม การแก้ปัญหา รวมถึงพัฒนาเป็นสังคมน่าอยู่ภายในองค์กร
ในหลายองค์กรชั้นนำ จึงเน้นการ เทรนนิ่งการสื่อสาร เพื่อสร้างความสำเร็จในทีมงาน
เคล็ดลับในการพัฒนา ทักษะการสื่อสารภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ
เป็นความจำเป็นของคนทำงานในองค์กร ที่จะต้องปรับปรุง ทักษะ การสื่อสารภายในองค์กร ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตในการทำงาน ทำให้มีการทำงานประสานงานกันสามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้
ทักษะของผู้บริหาร ผู้จัดการ จำเป็นต้องมีทักษะในหลายเรื่อง และเน้นไปที่การสื่อสาร ซึ่งเคล็ดลับทักษะการสื่อสารมีดังต่อไปนี้
ทักษะที่ 1: ทำความเข้าใจว่าอะไร คือปัญหาที่ทำให้ ทักษะการสื่อสารภายในองค์กรไม่มีประสิทธิภาพ
ถ้าทุกคนต้อง การสื่อสารให้เป็นผลสำเร็จ ต้องทดลองสำรวจตนเองว่าทุกครั้งที่มีการสื่อสาร ผลลัพธ์เป็นอย่างไร และทำไมถึงไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเหตุผลผลักของทักษะการสื่อสารภายในองค์กรแล้วไม่มีประสิทธิภาพ
ทักษะที่ 2: บริหารภาวะทางอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้
เพราะเมื่อไรก็ตามที่มีภาวะทางอารมณ์ที่มากเกินไป เช่นใช้อารมณ์ การเร่งรีบ จะทำให้มีแนวโน้มที่จะวิเคราะห์และอ่านคนที่เราสื่อสารด้วยผิดไป ทำให้เกิดความสับสนหรือทำให้ไม่สามารถใช้คำพูดที่ต้องการสื่อสารได้ดี ส่งผลฝให้คนฟังไม่พอใจ ไม่อยากสื่อสารด้วย ทักษะในการสื่อสารภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ ผู้สื่อสารจำเป็นต้องบริหารอารมณ์ให้ดีตลอดเวลา
ทักษะที่ 3: มีสมาธิในทุกการสื่อสาร
ทุกคนไม่สามารถใช้ทักษะการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่นการนั่งโทรศัพท์ วางแผนว่าจะทำงานอะไรต่อไป หรือคิดเรื่อยเปื่อย เพราะฉะนั้น ถ้าอยากมีทักษะการสื่อสารภายในองค์กรที่ดี เป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ พนักงานทุกคนจำเป็นต้อง หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนสมาธิออกไป
ทักษะที่ 4: ภาษากายที่สนับสนุนกัน
การสื่อสารแบบอวัจนภาษา คือเป็นภาษากายควรส่งเสริมสิ่งที่กำลังพูด ไม่ใช่ขัดแย้งกับสิ่งที่กำลังสื่อสาร เช่นการสื่อสารเรื่องราว หนึ่ง ๆ ออกไป จำเป็นต้องมีภาษากายที่ไปในทิศทางเดียวกัน ผู้ฟังก็จะรู้สึกได้ถึงความซื่อสัตย์ ความจริงใจ เช่น การพูดคำว่าใช่ ศรีษะต้องส่ายขึ้นลง
ทักษะที่ 5: หลีกเลี่ยงการสื่อสารเชิงลบ
ภาษากายเชิงลบ หรือการสื่อสารเชิงลบ ทำให้คนอื่นรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจ เพราะหากคนทุกคนไม่เห็นด้วยหรือไม่ชอบสิ่งที่ถูกพูด ภาษากายเชิงลบเพื่อปฏิเสธข้อความของอีกฝ่ายจะถูกแสดงออกมา บางคนอาจรู้ตัว บางคนอาจไม่รู้ตัว เช่น การกอดอก การหลบตา หรือการกัดริมฝีปาก ในความจริงนั้น ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วย แต่ ทักษะสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างให้อีกฝ่ายพึงพอใจต้องหลีกเลี่ยงการสื่อสารเชิงลบ
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบการแสดงออกเป็นลบ ให้เปลี่ยนใช้ภาษากายเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกเชิงบวกแทน เช่นกำลังกังวลเกี่ยวกับ บางสถานการณ์ เช่น การสัมภาษณ์งาน การนำเสนองานที่สำคัญ พยายามใช้ภาษากายเชิงบวกเพื่อบ่งบอกถึงความมั่นใจ แม้ว่าความจริงอาจรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม หลีกเลี่ยงการก้มหน้าลงชั่วคราว หันสายตาและเลื่อนไปที่เก้าอี้ วิธีการคือลองเปลี่ยนอริยาบท เช่นการยืนก็ ยือให้สูงขึ้น ยักไหล่ไปด้านหลัง ยิ้มและสบตา และจับมืออย่างมั่นคง วิธีนี้จะทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและช่วยให้อีกฝ่ายมั่นใจในตัวเราเช่นกัน เป็นพื้นฐานการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ในการทำงาน
ทักษะที่ 6: การเป็นผู้ฟังที่กระตือรือร้น มีส่วนร่วม
คำถามยอดนิยม คือคนส่วนใหญ่ชอบพูด หรือ ชอบฟัง คำตอบคือคนชอบพูดมากกว่า เพราะมีโอกาสในการระบายความรู้สึกของตนเองออกมา การสร้างความรู้สึกที่ดีในการสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ คือการฟังที่กระตือรือร้น ตั้งใจฟัง ไม่ใช่การได้ยิน เพราะทักษะการฟังที่ไม่ดี คือเพียงแค่เข้าใจคำศัพท์หรือข้อมูลที่สื่อสารเท่านั้น แต่ทักษะการฟังที่ดี ยังรวมถึงการเข้าใจอารมณ์ที่ผู้พูดที่พยายามจะสื่อสารออกไปด้วย
ความแตกต่าง ระหว่างการฟังอย่างกระตือรือร้น มีส่วนร่วม กับการฟังเพียงอย่างเดียว การฟังจริงๆ คือกำลังมีส่วนร่วมกับสิ่งที่กำลังพูด ผู้ฟังจะได้ยินน้ำเสียงที่ละเอียดอ่อนในน้ำเสียง และบอกว่าบุคคลนั้นรู้สึกอย่างไรและอารมณ์ที่พวกเขาพยายามสื่อสารออกมา เมื่อเป็นผู้ฟังที่กระตือรือร้นและมีส่วนร่วม ไม่เพียงแต่คุณจะเข้าใจอีกฝ่ายดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้บุคคลนั้นรู้สึกว่ามีคนรับฟังและเข้าใจพวกเขาด้วย ซึ่งสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างการสื่อสารภายในองค์กร
สำหรับเคล็ดลับในการเป็นผู้ฟังที่มีส่วนร่วม มุ่งความสนใจไปที่ผู้พูดอย่างเต็มที่ คนทุกคนไม่สามารถฟังอย่างมีส่วนร่วมได้ หากไม่มีสมาธิที่ดีพอ เช่นนั่งดูโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาหรือคิดเรื่องอื่นอยู่ ในการฟังอย่างกรตือรือร้นจำเป็นต้องจดจ่ออยู่กับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นทุกช่วงๆ ของการสื่อสาร เพื่อที่จะเข้าใจความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ และสัญญาณสำคัญที่ไม่ใช่คำพูดในการสื่อสาร
หลีกเลี่ยงการขัดจังหวะหรือพยายามเปลี่ยนเรื่องการสนทนาไปยังข้อกังวลใจที่มีอยู่ การฟังที่ดี ไม่ใช่การรอจังหวะที่จะพูดแทรก เพราะคนทุกคนไม่สามารถมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่คนอื่นพูดได้ หากกำลังกังวลใจ ในสิ่งที่จะพูดคนต่อไป
แสดงความสนใจในสิ่งที่กำลังพูด พยักหน้าเป็นครั้งคราว ยิ้มให้บุคคลนั้น และทำท่าทางให้เปิดกว้างและเชิญชวน กระตุ้นให้ผู้พูดพูดแสดงความคิดเห็นด้วยวาจาเล็กๆ น้อยๆ เช่น “ใช่” หรือ “เอ่อ ฮะ”
การฟังด้วยใจ คือความเข้าใจที่ไม่มีการตัดสินใด ๆ ในเรื่องนั้น ๆ ดังนั้นพยายามงดการออกความคิดเห็นหรือการตัดสิน ทำให้ทักษะสื่อสารภายในองค์กรมีประสิทธิภาพ ในความจริงทุกคนมีเรื่องราวของตนเอง ซึ่งเราไม่จำเป็น ต้องชอบ ไม่ชอบ หรือเห็นด้วยกับความคิด ค่านิยม หรือความคิดเห็นของพวกเขา คนฟังจำเป็นต้องละทิ้งวิจารณญาณและระงับการตำหนิและการวิพากษ์วิจารณ์เพื่อที่จะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นอย่างถ่องแท้ การสื่อสารที่ยากที่สุดเมื่อดำเนินการได้สำเร็จ มักจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้กับใครบางคน
การให้ข้อเสนอแนะ ให้สะท้อนถึงสิ่งที่ได้กล่าวไว้ในความเข้าใจคือ “สิ่งที่ได้ยินคือ” หรือ “ฟังดูเหมือนคุณกำลังพูด” เป็นวิธีที่ดีในการสะท้อนกลับที่ดี ได้ผล อย่าเพียงพูดซ้ำสิ่งที่ผู้พูดพูดคำต่อคำ เพราะจะฟังดูไม่จริงใจในการให้ข้อเสนอแนะ และการแสดงว่าคำพูดของผู้พูดมีความหมายอย่างไร ถามคำถามเพื่อให้ชี้แจงบางประเด็น เช่น “คุณหมายถึงอะไรเมื่อคุณพูดว่า…” หรือ “นี่คือสิ่งที่คุณหมายถึง?”
พนักงานทุกคนจำเป็นต้อง เน้น การสื่อสารแบบ 360 องศา
ทักษะที่ 7: ให้ความสนใจกับสัญญาณอวัจนภาษาหรือภาษากาย
อวัจนภาษา เป็นภาษาที่ไม่ใช่คำพูด คือภาษากาย เช่น การมอง ฟัง เคลื่อนไหว และโต้ตอบกับบุคคลอื่น เพื่อจะสื่อสารบอกพวกเขาเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีมากกว่าคำพูดเพียงอย่างเดียวที่เคยทำได้ การสื่อสารแบบอวัจนภาษาหรือภาษากาย ได้แก่ การแสดงออกทางสีหน้า การเคลื่อนไหวร่างกายและท่าทาง การสบตา ท่าทาง น้ำเสียงของคุณ และแม้แต่ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและการหายใจ
การพัฒนาความสามารถในการเข้าใจและใช้การสื่อสารแบบอวัจนภาษาสามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับผู้อื่น แสดง ออกถึงความหมายที่แท้จริงของคุณ รับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในที่ทำงาน
- เทคนิคการปรับปรุงการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพได้โดยใช้ภาษากายแบบเปิด เช่น ไม่กอดอก ยืนด้วยท่าทางที่เปิดกว้าง และสบตากับบุคคลที่คุณกำลังพูดคุยด้วย
- ใช้ภาษากายเพื่อเน้นย้ำคำพูดของเราหรือเป็นการสนับสนุนคำพูด เช่น ตบหลังเบา ๆ พร้อมชมความสำเร็จของเขา หรือ ยิ้มแบบชื่นชมในทุกความสำเร็จของผู้อื่น
ทักษะที่ 8 ทักษะการสื่อสารที่มีความสมบูรณ์
องค์ประกอบที่สำคัญทั้งหมดของการสื่อสารเป็นความจำเป็นเพราะจะทำให้คนสื่อสารเข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อสารออกไป ในทุกครั้งของการสื่อสารจำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อความให้ชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณครอบคลุมองค์ประกอบทั้งหมดที่อาจมีความสำคัญต่อความเข้าใจของคนฟัง หรือต้องเพิ่มบริบทที่อาจช่วยพวกเขาได้ และลองใช้ภาพช่วยเสริมคำพูดทำให้เขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ทักษะที่ 9 การใช้คำกระตุ้น
คำกระตุ้นการตัดสินใจ เป็นตัวช่วยสำคัญในการพัฒนาทักษะการสื่อสาร เพื่อจะทำให้สร้างการจดจำได้ง่ายและมั่นใจได้ว่าข้อความส่วนใหญ่ คนฟังจะจดจำได้ หรือนำไปใช้ได้ ตัวอย่างเช่น โฆษณาทางการตลาด นิยมใช้คำกระตุ้นการตัดสินใจ อาจแนะนำให้ผู้อ่านเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือกำหนดเวลาการให้คำปรึกษา ในการสื่อสารในที่ทำงาน หรือใช้คำกระตุ้นเพื่อขอให้เพื่อนร่วมงานเข้าร่วมการประชุมหรือส่งข้อความติดตามผลเกี่ยวกับขั้นตอนถัดไปของโครงการ
ทักษะที่ 10: ควบคุมความเครียดให้ลดลง
อุปสรรคสำคัญในการนำทักษะการสื่อสารภายในที่มีประสิทธิภาพมาใช้คือ ความเครียดที่เกิดขึ้น ความเครียดทำให้การสื่อสารแบบผิด ๆ ส่งผลให้บางคนเสียใจภายหลังในสิ่งที่สื่อสารออกไป จะเป็นการดีมาก ถ้าสามารถคลายความเครียดได้อย่างรวดเร็วและกลับสู่สภาวะปกติของจิตใจได้ เพราะไม่เพียงแต่จะหลีกเลี่ยงความเสียใจดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นในการสื่อสารสนทนาอีกด้วย เฉพาะเมื่อไรก็ตามที่อยู่ในสภาวะสงบและผ่อนคลาย จะทำให้การตอบสนองต่อบุคคลอื่น ได้ดีขึ้น
ทักษะที่11: การลดความเครียดอย่างรวดเร็วเพื่อ ทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อบทสนทนาที่เริ่มต้นจะมีข้อขัดแย้ง บางครั้งต้องใช้[ link] การบริหารข้อขัดแย้งในองค์กร จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างอย่างรวดเร็วและทันทีเพื่อลดความรุนแรงทางอารมณ์ ด้วยการเรียนรู้ที่จะลดความเครียดอย่างรวดเร็วในขณะนั้น คุณสามารถควบคุมอารมณ์ที่รุนแรงที่คุณกำลังประสบอยู่ ควบคุมความรู้สึก และประพฤติตัวอย่างเหมาะสมได้อย่างปลอดภัย
รับรู้เมื่อเริ่มเครียด ร่างกายของคุณจะแจ้งให้คุณทราบหากคุณเครียดขณะสื่อสาร ให้สังเกตว่า กล้ามเนื้อหรือท้องของคุณตึงหรือเปล่า? มือของคุณกำแน่นหรือเปล่า? หายใจเร็วขึ้นไหม?
ในสถานการณ์เริ่มเครียดให้ มองหาอารมณ์ขันในสถานการณ์นั้น. เมื่อใช้อย่างเหมาะสม อารมณ์ขันเป็นวิธีที่ดีในการคลายความเครียดในการสื่อสาร เมื่อคุณหรือคนรอบข้างเริ่มจริงจังกับเรื่องต่างๆ มากเกินไป ให้หาวิธีทำให้อารมณ์ผ่อนคลายลงด้วยการแบ่งปันเรื่องตลกหรือเรื่องราวที่สนุกสนาน หรือ น่าขบขัน
วิธีการสุดท้ายถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ให้ใช้วิธีการ พัก ขอเวลานอก หรือปล่อยสถานะการณ์เว้นว่างเพื่อให้ทุกคนสงบสติอารมณ์ เช่น ขอเวลาเข้าห้องน้ำ ทานกาแฟ การเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อยจะช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือหาสถานที่เงียบสงบเพื่อลดความเครียดได้อย่างรวดเร็ว
ทักษะที่ 12: เชื่อมั่นในตนเอง สื่อสารด้วยความชัดเจน
การสื่อสารที่ชัดเจนและสามารถช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเอง ด้วยการแสดงออกที่ตรงไปตรงมาและกล้าแสดงออกทำให้เกิด ความคิด ความรู้สึก และความต้องการอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์ ส่งผลให้การตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกล้าแสดงออกด้วยความเชื่อมั่น ต้องอยู่บนพื้นฐานการเคารพผู้อื่น หรือ การแสดงออกซึ่งความก้าวร้าวหรือการเรียกร้องที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่การเอาชนะข้อโต้แย้งหรือการบังคับความคิดเห็นของคุณกับผู้อื่น
แนวทางคือการให้คุณค่ากับตัวเองในสิ่งที่จะสื่อสารออกไป ว่าเนื้อหาการสื่อสารของตนเองนั้นมีคุณค่าต่อคนฟัง ทำให้คนฟังรู้ความต้องการและความต้องการที่ชัดเจน ถึงแม้ในบางครั้งอาจมีความขัดแย้งบ้าง แต่ต้องเคารพในความคิดของทุกฝ่าย ทักษะการสื่อสารที่เคารพซึ่งกันและกัน การสร้างความเชื่อมั่นในการสื่อสารคือการยอมรับที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะปรับตัวแก้ไขทันที่รู้สึกว่าตนเองไม่มั่นใจในการสื่อสาร
การพัฒนาความมั่นใจในการสื่อสารที่สำคัญคือการเรียนรู้ที่จะพูดว่า “ไม่” ในสิ่งที่ทำไม่ได้ โดยการเข้าใจขีดจำกัดของตนเองเพื่อมองหาทางเลือกอื่นเพื่อให้ทุกคนรู้สึกดีกับผลลัพธ์ที่ได้
ทักษะที่ 13: การสื่อสารด้วยความเห็นอก เห็นใจ
ด้วยการแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ บ่งบอกถึงความอ่อนไหวต่อบุคคลอื่น ขั้นแรก รับรู้สถานการณ์หรือความรู้สึกของอีกฝ่าย จากนั้นระบุความต้องการหรือความคิดเห็นของตนเอง เช่น ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่งมาก แต่ฉันอยากให้คุณแบ่งเวลาในเรื่อง……..นี้ด้วย
ทักษะที่ 14: การสื่อสารในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ความพร้อมในการสื่อสารของแต่ละคนไม่เหมือนกันทักษะสำคัญคือการเลือกช่วงเวลาในการสื่อสารให้มีความเหมาะสม กับคนฟัง และข้อจะจำคือไม่ควรสื่อสารเมื่อคนฟังไม่มีความพร้อมที่ดีพอในการรับฟัง เพราะจะส่งผลเสียคือไม่พร้อมที่จะรับฟังการสื่อสาร การพิจารณาช่วงเวลาให้มีความเหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะพัฒนาทักษะการสื่อสารภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาทักษะการสื่อสารภายในองค์กร จึงเป็นสิ่งสำคัญ และขอให้ทุกคนเข้าใจว่า ทักษะการสื่อสารภายในที่ดี ไม่ได้เกิดขึ้นเอง พนักงานทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ ฝึกหัด นำมาใช้ เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น ภายใต้ การสื่อสารภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้งานเดินหน้าสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน เป็นพื้นฐานการทำงานเป็นทีม ทำให้มีผลงาน สร้างความเติบโตให้ทุกคนในองค์กร ดังนั้น ขอเพียงแค่ พนักงานทุกคน เปลี่ยน ทักษะการสื่อสาร ก็จะทำให้งานทุกอย่างมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ทดลองไปทำดูได้ ไม่เสียหายอะไร..
หนังสือแนะนำ
บทความน่าอ่านเพิ่มเติม
ทำอย่างไร? เมื่อต้องขายแข่งกับ Brand ดัง
ทำอย่างไร? เมื่อต้องขายแข่งกับ Brand ดัง ตัวแทนจำหน่าย(ยี่ปั้ว ซาปั้ว) หรือที่ในปัจจุบัน จะเรียกว่า เป็นการขายในลักษณะ B2B ซึ่งก็ย่อมาจากคำว่า Business to Business กลไกการขายประเภทนี้ก็จะมีเพิ่มมากขึ้น เพราะลูกค้านั้นมีวัตถุประสงค์ของการซื้อเพื่อจัดจำหน่าย...
ทำอย่างไร..ให้มีเวลาขายเพิ่มมากขึ้น
ทำอย่างไร..ให้มีเวลาขายเพิ่มมากขึ้น ทำไมพนักงานขายส่วนใหญ่ทำงานไม่ทัน หมายถึงไม่สามารถไปเยี่ยมลูกค้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พอถูกถาม ก็มีเหตุผลมากมายที่จะอธิบายถึงสาเหตุว่าตนเองนั้นทำงานไม่ทัน และเป็นอย่างนั้นทุกเดือน...
อยากเป็นนักธุรกิจบ้าง..ต้องทำอย่างไรดี..
อยากเป็นนักธุรกิจบ้าง..ต้องทำอย่างไรดี.. ในช่วงของวิกฤติเศรษฐกิจเป็นพิษ งานประจำที่เคยทำก็จะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เพราะมีแรงกดดันต่าง ๆ นานาเข้ามามากมาย ที่เคยได้ ก็ไม่ได้ หรือได้ยากขึ้น มีขั้นตอน มีระบบเข้ามากระทบมากมาย ฟังแล้วก็รู้สึกเหนื่อย...
หากลุ่มเป้าหมายอย่างไร ได้ใจ ได้งาน
หากลุ่มเป้าหมายอย่างไร ได้ใจ ได้งาน สำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาผู้มุ่งหวังได้จำนวนมากๆ เพราะมีความเข้าใจผิดบ้างในการค้นหาผู้มุ่งหวัง เพราะนักขายต่าง ๆ มุ่งที่จะค้นหาผู้มุ่งหวังจำนวนมาก ๆ เข้าไว้...
ทำอย่างไรให้ทีมงานยอมรับเมื่อเป็นหัวหน้าทีม!
ทำอย่างไรให้ทีมงานยอมรับเมื่อเป็นหัวหน้าทีม! มีคนจำนวนไม่น้อยที่เป็นหัวหน้าทีมแล้วเจอปัญหา คือเพื่อร่วมงานก็ไม่ขยัน และไม่ตั้งใจเท่าไหร่ มีแต่ความเป็นผู้อาวุโส และเมื่อไม่ได้รับเลื่อนขั้น ก็ทำการตีรวน เรียกได้ว่า ทำให้แกว่งไปหมด เมื่อเราคิดจะไปด้านซ้าย...
ขายเพราะข้อมูล ข้อมูล “ที่ไม่มากเกินไป”
ขายเพราะข้อมูล ข้อมูล “ที่ไม่มากเกินไป” มีพนักงานขายทั้งมือใหม่และมือเก่าจำนวนไม่น้อยที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน จนทำให้หลายคนถึงกับยอมถอดใจล้มเลิกความตั้งใจเป็นพนักงานขายเลยทีเดียว ขอให้ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน...
มันแปลกดีนะ! ขายมาหลายปี แต่กลับขายได้น้อยลง
มันแปลกดีนะ! ขายมาหลายปี แต่กลับขายได้น้อยลง เป็นปัญหาแม่แบบที่เกิดกับพนักงานขายหลายๆ คน จึงคิดว่าน่าจะนำมาลงเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนพนักงานขายได้สังเกตุตนเองว่ามีปัญหาเช่นเดียวกัน ซึ่งมีทิศทางสวนกระแสคือยิ่งเวลาผ่านไปมากขึ้น...
ลูกค้า ชอบถามเรื่องค่าคอมมิชชั่น ตอบอย่างไรดี?
ลูกค้า ชอบถามเรื่องค่าคอมมิชชั่น ตอบอย่างไรดี? นักขายหลาย ๆ คนอาจจะประสบปัญหาเช่นกัน การควบคุมสถานการณ์ของผู้ขาย จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้กระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้า แต่ก่อนอื่น อยากให้ทำความเข้าใจถึงธรรมชาติของอาชีพก่อนว่า...
สัญญาณการซื้อ..เป็นไฉน?
สัญญาณการซื้อ..เป็นไฉน? สัญญาณการซื้อ(Buying Signal) เป็นเรื่องละเอียดอ่อนในการขายและสามารถมีขึ้นได้ทุกขณะ ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นหลังจากนักขายนำเสนอ บางครั้งก่อน บางครั้งหลัง ปัญหามีอยู่ว่าจะทำอย่างไร นักขายถึงจะทราบได้ว่า มีสัญญาณการซื้อ และเป็นสัญญาณจริง...
เป้าหมายการขายที่สูงขึ้น จากการขายให้ผู้บริหาร
เป้าหมายการขายที่สูงขึ้น จากการขายให้ผู้บริหาร มีนักขายหลายคนมักบอกว่าการขายก็เพื่อให้ตนเองนั้นได้ยอดขายที่สูง จำนวนการสั่งซื้อที่มากๆ ต้องขายให้กับผู้บริหารระดับสูง และเป็นที่น่าสังเกตว่า ในปัจจุบันนั้นพบว่าคำถามเช่นนี้มีเพิ่มมากขึ้น...
อะไรคือข้อมูลที่สำคัญ เพื่อช่วยการขาย
อะไรคือข้อมูลที่สำคัญ เพื่อช่วยการขาย ต้องขอบอกก่อนว่า เรื่องของข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการขาย มีความซับซ้อนและมีเรื่องของความรู้สึก ความผูกพันมาเกี่ยวข้องด้วยนอกเหนือจากเนื้อหาของการหาข้อมูล ซึ่งการค้นหาข้อมูลนั้นเป็นส่วนหนึ่ง...
บ่อยครั้งที่ลูกค้าชอบถามราคาก่อน ควรบอกเลยหรือไม่?
บ่อยครั้งที่ลูกค้าชอบถามราคาก่อน ควรบอกเลยหรือไม่? เรื่องการบอกราคากับลูกค้า ว่าควรบอกดีหรือไม่ เมื่อผู้ขายถูกรุกให้บอกราคา เรื่องของการบอกราคานั้นเป็นเสมือนดาบสองคม ในบางครั้งผู้ขายยืนกรานไม่บอกราคาสินค้าให้ผู้ซื้อสินค้าทราบ...
ทำอย่างไร? เมื่อ นักขาย ถูกมองว่าชอบ “โกหก”…
ทำอย่างไร? เมื่อ นักขาย ถูกมองว่าชอบ “โกหก”... ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีจากการตอบสนองของลูกค้า หรือ “กลุ่มผู้มุ่งหวัง” ที่ทำให้รู้สึกว่าพวกตนเอง (หมายถึงพนักงานขาย) เป็นพวกที่ใช้ไม่ได้ เพราะไม่มีความจริงใจ ชอบโกหก ใครที่มีประสบการณ์เช่นนี้...
จริงหรือ? ที่ว่าไม้ตายการขาย คือ “ลูกอ้อน”
จริงหรือ? ที่ว่าไม้ตายการขาย คือ “ลูกอ้อน” เป็นเสียงสะท้อนได้ดีให้ผู้ที่ทำงานขายนั้นตระหนักรู้ถึงกระบวนการของการขายของตนเอง ถึงวิธีการหรือสิ่งที่นักขายแสดงออกไป และจะมีผลกระทบต่อผู้ฟังอย่างไร หนักๆเข้าอาจจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในตัวผู้ขายไปเลยก็มี ...
เรียนรู้ความสำเร็จเพื่อตนเองจะประสบความสำเร็จ
เรียนรู้ความสำเร็จเพื่อตนเองจะประสบความสำเร็จ เรียนรู้ความสำเร็จเพื่อตนเองจะประสบความสำเร็จ เชื่อว่าผู้ถามจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่จะเดินบนเส้นทางของการขายได้อย่างสง่างาม เพราะว่ามีนักขายจำนวนไม่มากที่จะพยายามวิเคราะห์ตนเองตลอดเวลา...
แก้เรื่องปวดหัว กับนักขายชอบลาออก!
แก้เรื่องปวดหัว กับนักขายชอบลาออก! เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจไม่น้อยสำหรับผู้ที่ต้องทำงานในตำแหน่งหัวหน้าและต้องดูแลฝ่ายขาย ซึ่งเป็นฝ่ายที่มีความละเอียดอ่อนมาก เพราะนักขายนั้นเป็นผู้ที่ต้องติดต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง...
เป็นเรื่อง..เมื่อนักขายต้องวิ่งตามเก็บเงินลูกค้าด้วย
เป็นเรื่อง..เมื่อนักขายต้องวิ่งตามเก็บเงินลูกค้าด้วย อาจมีสาเหตุจากความเข้าใจผิดระหว่างผู้บริหารและนักขาย เนื่องจากนักขายและบริษัทไม่ได้มีการพูดคุยให้ชัดเจนในเรื่องของขอบเขตการทำงาน หรือที่เรียกว่า Scope of Work ทำให้มีความเข้าใจผิดกันบ้าง...
อย่างไร?…คือ การขายสายพันธ์ใหม่
อย่างไร?...คือ การขายสายพันธ์ใหม่ รู้สึกอยู่อย่างหนึ่งว่างานขายเริ่มเหมือนงานที่เขาเรียกว่างาน Routine เข้าทุกวันคือ มีการติดต่อลูกค้าทุกวัน พยายามเข้าพบ เพื่อนำเสนอสินค้า และก็พยายามปิดการขายในที่สุด บางครั้ง รู้สึกเบื่อๆ เพราะเริ่มจำเจ หรือเป็นเพราะทำซ้ำๆ...
มุมมอง วิธีการขาย ของนักขายรุ่นใหม่
มุมมอง วิธีการขาย ของนักขายรุ่นใหม่ ขอทำความเข้าใจกับงาน Routine ซึ่งหมายถึงงานที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน เช่นงานในสำนักงาน เป็นมุมมองที่น่าสนใจเพราะคนส่วนใหญ่จะมองว่าพนักงานขายไม่ซ้ำซากและจำเจ อาจจะมาจากการมองกระบวนการขายที่ต้องทำอยู่เป็นประจำ...
สร้างความยั่งยืนของยอดขายจากการสร้างแฟนพันธ์แท้
สร้างความยั่งยืนของยอดขายจากการสร้างแฟนพันธ์แท้ กระบวนการแบบใหม่ที่ใช้กันมากในการขายยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างลูกค้าที่จะใช้สินค้าเป็นประจำ หรือที่เรียกว่า “แฟนพันธ์แท้ นั่นเอง” การขายในปัจจุบันมีการนำหลักการตลาด (Marketing Concept) มาใช้...