” Bill Gate ผู้บริหาร Microsoft กล่าวไว้ว่า…
คอมพิวเตอร์เกิดมาบนโลกมนุษย์.
เมื่อประมาณ 4-50 ปีที่แล้ว และ..
มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
แต่จากนี้ไปอีก 10 ปีข้างหน้าการพัฒนา
ทางเทคโนโลยีจะรวดเร็วกว่า 40 ปีที่ผ่านมา”
เทคนิคการวางแผนกลยุทธ์ ให้กำไรเพิ่ม
ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย
ในสภาวะที่ธุรกิจมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง นักธุรกิจต่างฝ่ายต่างต้องการชัยชนะ มีการเจริญเติบโตที่ดี จึงเป็นหน้าที่ของผู้จัดการ ที่ต้องสังเกตถึงสิ่งที่ต้องกระตุ้นให้พนักงานของตนเองนั้นทำงานเชิงรุก มีผลงานทุกวัน จึงจ้องตั้งคำถามเพื่อถามตนเองและพนักงานของตนเอง ถึงเส้นทางความสำเร็จ ซึ่งผู้จัดการจำเป็นต้องแยกแยะให้ออกถึงคนทีประสบความสำเร็จและคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อผู้จัดการจะได้นำทีมงานให้เข้าสู่เส้นทางที่จะทำให้ตนเองและพนักงานประสบความสำเร็จ ในความเป็นจริงนั้นกิจกรรมของธุรกิจมีความคล้ายคลึงกัน เช่น ในทุกองค์กรมี การขาย การตลาด การเจรจาต่อรอง แต่ทำไมบางผงค์ถึงประสบความสำเร็จ สร้างรายได้มาก แต่มีองค์กรจำนวนไม่น้อยที่ล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งผู้จัดการบางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา ฟ้าลิขิต ทำให้ตนเองไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถ ไม่สามารถวางแผนงานตามแนวทางของตนเองได้ จึงทำให้ทำงานอะไรก็ล้มเหลว ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะในห้องอบรมหลักสูตรผู้จัดการอัจฉริยะ The Super Manager ได้มีผู้จัดการจำนวนมากที่เข้าอบรมผู้จัดการอัจฉริยะ ได้ประชุมและให้ข้อคิดว่า ปัจจุบันเป็นยุคไร้พรมแดน โลกาภิวัฒน์ เป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารสามารถติดต่อถึงกันได้ง่าย เพียงเสี้ยววินาที ก็สามารถติดต่อกันได้จากซีกโลกหนึ่งถึงอีกซีกโลกหนึ่งได้ ทำให้การดำเนินทางการทางธุรกิจมีความซับซอนเพิ่มมากขึ้น
“หลักสูตรอบรมผู้จัดการอัจฉริยะ”



การบริหารของผู้จัดการจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงคือต้องมุ่งเน้นการบริหารเชิงรุกมากกว่าเพียงแค่นั่งรอความ สำเร็จ การทำงานจึงต้องทันต่อกระแสโลกที่เปลี่ยนไปที่สำคัญคือคู่แข่งต่างปรับตัวช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เช่น ปัจจุบันธุรกิจโรงพยาบาลก็มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเชิงรุก ในสมัยก่อนภาพลักษณ์ของการมาโรงพยาบาลเป็นเพียงแค่คนที่ป่วยเท่านั้น มีกลิ่นยาแรง มีภาพของผู้ป่วยมากมาย ดูแล้วรู้สึกไม่อยากมาโรงพยาบาล เพราะแฝงความน่าวิตกกังวล แต่ปัจจุบันคนที่เข้าโรงพยาบาลไม่เพียงแต่ผู้ป่วยเท่านั้น คนธรรมดาก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้ หมายถึงคนบางคนต้องการเข้าพักที่โรงพยาบาลเสมือนอยู่บ้านก็ทำได้ หรือ บางโรงพยาบาลรับคนชรามาดูแลระยะยาว เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามา ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างการรับรู้ทางตราสินค้า ถึงคุณภาพการให้บริการอีกด้วย จึงได้ประโยชน์หลายต่อ คำว่า ผู้จัดการอัจฉริยะจึงมีความแตกต่างจากความเป็นผู้จัดการธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของชั้นเชิงทางการบริหารพนักงาน ในธุรกิจต่าง ๆ ผู้จัดการอัจฉริยะ ต้องมีความสุขุม นุ่มลึก แต่แฝงด้วยความแข็งแกร่งภายใน มีมุมมองการบริหารแนวรุก ทำงานเชิงรุก โดยการสร้างคนให้มีความเหมาะสมกับงาน โดยการสร้างงานให้พอดีกับคน โดยมีการมองคนเป็นทุนสำคัญขององค์กร เริ่มต้นตั้งแต่การวางแผนงาน ก่อนการลงมือกระทำทุกงานทุกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการ คิดก่อนการทำ ไม่ใช่เพียงทำแล้วกลับมาคิดถึงผลที่จะได้รับทำให้องค์กรเสียเงินเสียทองไปมากมายในการดำเนินการ
การมองแผนงานของผู้จัดการอัจริยะจำเป็นต้องเริ่มทำความเข้าใจกับตนเอง ว่าองค์กรตนเองจะเป็นเช่นไร? ในมุมมองของผู้จัดการอัจฉริยะ จะมีมุมมองขององค์กรไปใน 3 ทิศทาง คือ องค์กรควรจะรุก องค์กรควรจะทรงๆ ไว้ หรือ องค์กรควรจะถอยไม่ควรต่อสู้ต่อไป
ทิศทางที่ 1 ถ้าองค์กรมองว่าควรจะรุก รุกอย่างไรให้มั่นคง เพราะบางคนอาจจะมองการทำธุรกิจเชิงรุกเป็นเรื่องง่ายคือแค่ขยายงาน เป็นอันจบ แต่ลืมไปว่าในหลายองค์กรก็จบจริง ๆ คือประสบภาวะขาดทุนอย่างย่อยยับ เพราะขาดแนวทางการรุกอย่างถูกวิธี เริ่มต้นจากการปัจจัยรุกทางการตลาด คือนำเอาผลิตภัณฑ์เป็นที่ตั้ง วิธีการนำสินค้ามาเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกทำได้หลายวิธี เช่น
1) ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเริ่มต้นจากการโยนหินถามทาง ที่เรียกว่าการวิจัยทางการตลาดทำให้ทราบถึงแนวโน้มความต้องการที่แท้จริงของสินค้า เช่นปัจจุบันการเมกาเทรนโลก คือกระแสของสปาหรือชาเขียวนั้นกำลังมาแรง คนนิยมมาก ทำให้สินค้าการออกสินค้าก็จะมุ่งเน้นไปในเรื่องของสปาเช่น ครีมอาบน้ำแบบสปา หรือแม้กระทั่งผ้าอ้อมชาเขียว ล้วนแล้วแต่เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแนวกระแสความนิยมของผู้บริโภค การจับกระแสของความต้องการหรือนิวเทรน พึงระวังถึงจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม โดยต้องมีความเข้าใจถึงวงจรผลิตภัณฑ์ ที่เรียกว่า Product Life Cycle เพราะกระแสความแรงของสินค้าจะมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และปัจจุบันวงจรผลิตภัณฑ์นั้นสั้นลง เพราะสภาพการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คู่แข่งขันต่างเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตลอดเวลา แนวคิดของการออกผลิตภัณฑ์ บางคนอาจจะมุ่งเน้นไปที่สินค้าใหม่ ๆ เลย เช่นการที่บริษัทมีความชำนาญด้านห้างสรรพสินค้า แต่เพิ่มช่องทางธุรกิจโดยมาทำธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น แต่บางคนอาจมุ่งเน้นไปในเรื่องของการเพิ่มสินค้าที่สอดคล้องกับธุรกิจที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เช่น บริษัทจำหน่ายเบียร์ ก็ออกสินค้าเป็นน้ำดื่ม ทำให้เห็นว่าธุรกิจมีความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน
2) การเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ หมายถึงการมองผลิตภัณฑ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง แต่เวลาของการพิจารณาต้องนำความรู้สึกของผู้บริโภคมาเป็นตัวตัดสินใจ เช่น น้ำดื่มที่เป็นขวด เริ่มต้นจากน้ำที่มีขนาดขวดใหญ่ แต่ไม่สะดวกเวลาต้องพกไปไหนมาไหน จึงต้องออกสินค้าเดิมแต่ขยายสายผลิตภัณฑ์ไปยังสินค้าที่เป็นขวดขนาดเล็กลงและเป็นแก้ว สำหรับดื่มสำหรับเวลาออกมีงานกลางแจ้ง หรือสำหรับผู้หญิงที่ถนัดการดื่มน้ำจากแก้วมากกว่าการดื่มเป็นขวด นอกจากการมองเรื่องกิจกรรมทางการตลาดเพื่อการเจริญเติบโตขององค์กร ซึ่งบางคนรู้สึกว่าผลที่ได้ออกมาค่อนข้างช้า เพราะต้องมีการสร้างความยอมรับทางสังคม การเข้าซื้อกิจการหรือการควบรวมกิจการเป็นอีกแนวทางที่ทำได้เร็วกว่า แต่ความเสี่ยงก็มีมากกว่าเช่นกัน เช่นบางกิจการทำธุรกิจส่งออกไปประเทศอเมริกา แต่มีปัญหาเรื่องการกีดกันทางการท้า ทำให้ต้องตัดสินใจที่จะเลือกไปลงทุนในประเทศอเมริกา เป็นหลักการทำธุรกิจแบบก้าวกระโดด เพราะการเขาไปลงทุนทำให้รู้ถึงความต้องการทางการตลาดที่แท้จริง แต่ผิดพลาดตรงที่นำเงินเล็กคือเงินบาทไปซื้อกิจการที่ใหญ่กว่าหรือเงินดอลล่าร์ซึ่งการลงทุนต้องใช้เงินลงทุนซื้อมากกว่าเงินที่ตนเองมีอยู่มาก ผลทำให้บริษัทขาดสภาพคล่อง บางบริษัทถึงขั้นล้มละเลยก็มี ดังนั้นการประมาณการตนเอง หรือประมาณกำลังเงินที่มีอยู่ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับผู้จัดการที่ต้องเข้าใจเรื่องการลงทุน พอๆ กับความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการพนักงาน หมายถึงหลังจากการเข้าซื้อกิจการแล้ว ขวัญกำลังใจของพนักงานย่อมเสียไป จะทำอย่างไร? ให้กลับมาดีเหมือนเดิม ในอดีตหลายคนมองเรื่องการควบกิจการเป็นสิ่งที่ไกลตัว แต่ในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้น ตามที่เห็นมากมาย กลไกของการดำเนินธุรกิจแนวรุกยังมีอีกมากมายเช่นการนำราคามาเป็นเครื่องมือที่จะขยายตัวเองออกไปโดยเฉพาะผู้ที่พึ่งเข้ามาในธุรกิจนิยมใช้ เช่น กลยุทธ์ในการซื้อหนึ่งแถมหนึ่งในช่วงที่ ออกวางจำหน่ายสินค้า เพื่อเข้าตลาด ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าราคาถูกลง และงดของแถมเมื่อหมดรายการ กลไกการขายเช่นนี้ ทำให้ราคาก็จะไม่เสียไปเมื่อหมดโปรโมชั่น เป็นต้น
ทิศทางที่ 2 แนวคิดของการทรง ๆ ทางธุรกิจ ผู้บริหารบางคน มีความเข้าใจว่าไม่ต้องการให้องค์กรโตขึ้นไป ซึ่งดูจากยอดขายว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่เท่า ๆ เดิมในปีที่ผ่านมา โดยไม่ได้ดูการเจริญเติบโตที่แท้จริงทางการตลาดซึ่งอาจมีมูลค่าที่โตมากกว่า นั้นแสดงว่าองค์กรกำลังถอยมากกว่าการทรงๆ ในความเป็นจริงเป็นการยากมากที่จะทำให้องค์กรอยู่ในสภาวะทรงๆ เพราะ สภาวะแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นในความ หมายของการทรง ๆ คือการไม่ลงทุนเพิ่ม พึงพอใจต่อยอดขายที่ตนเองมีอยู่ แต่ไม่คิดที่จะลดขนาดธุรกิจลง ปิดกิจการหรือขายกิจการ มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้บริษัทตัดสินใจเช่นนั้น เช่นบางองค์กรบอกว่าสินค้าบางตัวเป็นสินค้าตัวแรกขององค์กร จึงอยากคงไว้เพราะเปรียบเสมือนเป็นสัญญลักษณ์ที่ทำให้องค์กรสามารถยืนหยัดมาได้จนปัจจุบัน หรือบางคนอาจคิดว่า ถ้าลงทุนก็จะต้องใช้เงินทุนที่สูงมาก แต่ผลของการคืนทุนนั้นช้ากว่าการที่จะไปรุกในธุรกิจอื่น แต่ธุรกิจปัจจุบันยังไม่ขาดทุน จึงให้ทรง ๆ ไว้ไม่เสียหายอะไร
ทิศทางที่ 3 เป็นแนวความคิดที่จะถดถอย การถดถอยไม่ได้มีความหมายว่าพ่ายแพ้ทางธุรกิจ หรือบริษัทกำลังอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่เสมอไป ในต่างประเทศการถอนหุ้น ขายหุ้น ให้ผู้ที่มีอำนาจในการซื้อหุ้นมากกว่าเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าเกิดขึ้นเป็นประจำวัน และเริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับสังคมไทยเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะยังไม่คุ้นเคยกันก็ตาม ในบางองค์กรจึงมีแรงต้านจากการซื้อขายหุ้นค่อนข้างมาก การถอดหรือการตัดสินใจที่จะขายหุ้นขององค์กร ต้องอาศัยจังหวะที่ดี เรียกว่าต้องมีชั้นเชิงทางธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าหุ้นให้สูงเพื่อผลกำไร นักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะพิจารณาจากมูลค่าของราคาหุ้น ผลประกอบการและเงินปันผลที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นในปีนั้น ๆ อาจมีการพิจารณาย้อนไป 3-5 ปีย้อนหลัง และ 3-5 ปีข้างหน้าว่าทิศทางหรือวิสัยทัศน์ขององค์กรจะเป็นเช่นไร ในทางกลับกันการพิจารณาความต้องการที่จะไปถือหุ้นในบริษัทอื่น อาจมีมุมมองถึงความสอดคล้องทางธุรกิจเป็นที่ตั้ง เช่นว่า เป็นธุรกิจที่อยู่ในสายเดียวกันหรือไม่ ทำให้องค์กรมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น เช่นการที่บริษัทที่เป็นเป็นผู้นำทางด้านอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าที่เรียกว่า Home Entertainment ไปควบกิจการของโทรศัพท์มือถือ ทำให้มีความเข้มแข็งของตราสินค้าและสามารถพัฒนาโทรศัพท์มือถือมีรูปแบบของ Multimedia เพิ่มมากขึ้น
แนวทางการวางแผนทิศทางองค์กรให้กำไรเพิ่ม จึงเป็นหน้าที่ของผู้จัดการอัจฉริยะที่ต้องมีการจัดทำหรือพิจารณาอย่างน้อยปีละครั้งง และทบทวนความคืบหน้าของแผนงานอย่างน้อยทุกไตรมาส เพราะตัวแปรทางธุรกิจจะมีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้จัดการอัจฉริยะต้องมีการปรับแผนเป็นประจำ ชั้นเชิงหรือมุมมองของแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจต้องเปลี่ยนให้สอดคล้องทันต่อเหตุการณ์ การวางแผนเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องการบริหารงานและการบริหารคน หลักสำคัญคือ ผู้จัดการอัจฉริยะจำเป็นต้องแปรความหมายในแผนกลยุทธ์นั้นๆ ให้เป็นรูปธรรม คือสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างแนวทางความเข้าใจของพนักงานทุกคนร่วมกันในองค์กร เพราะงานทุกงานไม่สามารถสำเร็จด้วยดี ถ้าปราศจากการทำงานเป็นทีม การก้าวเดินอย่างนุ่ม สุขุม ลึก อย่างผู้จัดการอัจฉริยะ ทำให้โอกาสทำงานพลาดจึงเป็นเรื่องยาก ถึงจำมีก็น้อยมาก แถมยังมองถึงมุมของการสร้างรายได้แบบก้าวกระโดด มีการทำงานเชิงรุกอยู่ตลอดเวลา พนักงานก็ตื่นตัว ฮือ…น่าชื่นชมจริงๆ!
ขอบคุณมากครับ ผมเคยเข้าอบรม หลักสูตรผู้จัดการอัจฉริยะ ดีมาก ๆ ครับ นำเครื่องมือไปบริหารพนักงานได้เป็นอย่างดี เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดมาก ๆ โดยเฉพาะทัศนคติของพนักงาน ทุกคนตั้งใจทำงานมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัดเจน ขอบคุณอาจารย์สุรชัย มาก ๆ ครับ
สรุปบทความ: เทคนิคการวางแผนกลยุทธ์ให้กำไรเพิ่ม
ในการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง ผู้จัดการต้องมีแนวคิดเชิงรุกและไม่รอคอยความสำเร็จเฉยๆ ต้องสังเกตและแยกแยะว่าทำไมบางองค์กรถึงเติบโตและบางองค์กรล้มเหลว
– กลยุทธ์การเติบโต (เชิงรุก)
ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตามกระแสตลาด (เช่น สินค้าสปา หรือชาเขียว)
ขยายสายผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้า
ซื้อหรือควบรวมกิจการเพื่อขยายธุรกิจ แต่อย่าลืมประเมินความเสี่ยง
-กลยุทธ์การรักษาสถานะ (ทรงตัว)
คงสภาพธุรกิจโดยไม่ขยาย แต่ต้องแน่ใจว่าตลาดยังมีความต้องการ
ตรวจสอบว่าองค์กรไม่ได้กำลังถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
– กลยุทธ์การถอยเพื่อกำไร
บางครั้งการขายหุ้นหรือถอนตัวจากบางธุรกิจ อาจเป็นทางเลือกที่ฉลาด
ต้องเลือกจังหวะที่ดีในการขายเพื่อให้ได้มูลค่าที่สูงสุด
– บทบาทของ “ผู้จัดการอัจฉริยะ”
ต้องมีแผนงานชัดเจนและทบทวนทุกไตรมาส
ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
มองแผนกลยุทธ์เป็นรูปธรรมและนำไปปฏิบัติได้จริง
ทำให้พนักงานมีเป้าหมายเดียวกัน และทำงานเป็นทีม
สรุป ถ้าจะทำให้ธุรกิจมีกำไร ต้องคิดก่อนทำ วางแผนให้ดี ปรับตัวให้เร็ว และอย่าลงมือทำแบบไม่มีทิศทาง
เทคนิคการวางแผนนั้นขึ้นอยู่กับบางทีก็เกี่ยวกับการมีคู่แข่งในการตลาดหน้าที่ของผู้จัดการก็คือต้องสังเกต การตลาดต้องกระตุ้นพนักงานของเราเพื่อให้ทำงานทุกวันให้เป็นการทำงานเชิงรุกตั้งคำถามให้พนักงานให้ตัวเองว่าเราจะถึงเป้าหมายถึงความสำเร็จนี้ได้อย่างไรในความเป็นจริงนั้นธุรกิจมีความคล้ายคลึงกันมากๆบางองค์กรมีการขายการตลาดการเจรจาซึ่งมีผลต่อการสร้างรายได้ให้บริษัทเพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ทำให้ประสบความสำเร็จในแต่ละวันอบรมฝึกอบรม สรรหา วิธีการต่างๆเพื่อให้ทีมของเราได้มีแนวคิดใหม่ๆ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่การเพิ่มสายผลิตภัณฑ์มีแนวคิดมีความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้น
เทคนิคการวางแผนกลยุทธ์ให้กำไรเพิ่ม มีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานการณ์การตลาดของยุคปัจจบันมีการแข่งขันกันอย่างมาก ดังนั้นจึ้่งต้องมีการนำแผนกลยุทธิ์นี้มาปรับใช้ให้ตรงการสถานการณ์ในยุคปัจจบันให้มีความทันสมัย และตรงความต้องการของผู้บริโภค
เทคนิคการว่างแผน การเป็นผู้จัดการอัจฉริยะการมองแผนงานของผู้จัดการอัจฉริยะจะต้องเริ่มทำการเป็นผู้จัดการอัจฉริยะการมองแผนงานของผู้จัดการอัจฉริยะจะต้องเริ่มทำความเข้าใจกับตัวเองก่อน
-บทบาทของการเป็นผู้จัดการอัจฉริยะต้องมีแผนงานที่ชัดเจนต้องปรับตัวให้ทันอยู่ตลอดในการมีอะไรเปลี่ยนแปลงใหม่ใหม่มองแผนกลยุทธ์ให้ชัดเจนมีเป้าหมายเดียวกันทำงานบทบาทของการเป็นผู้จัดการอัจฉริยะต้องมีแผนงานที่ชัดเจนต้องปรับตัวให้ทันอยู่ตลอดในการมีอะไรเปลี่ยนแปลงใหม่ใหม่มองแผนกลยุทธ์ให้ชัดเจนมีเป้าหมายเดียวกันทำงานเป็นทีมหาวิธีแนวทางต่างๆเพื่อให้ทีมของเราได้มีแนวคิดใหม่ใหม่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่มีความคิดสร้างสรรค์
การมองภาพรวมที่กว้าง ถ้าจะทำให้องค์กรมีความมั่นคง
บทความนี้ หลังจากได้อ่านแล้ว การจะเป็นผู้จัดการนั้น เรืองการตัดสินใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องคำนึงถึงหลายๆด้าน วางแผนอย่างละเอียด กระตุ้นกำไร กระตุ้นพนักงาน อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ให้องค์กรก้าวหน้า แต่ก็เพื่อพนักงานเติบโต และเก่งไปพร้อมๆกัน เหมือนกับองค์กรของเราตอนนี้ค่ะ
การที่จะวางแผนให้ได้กำไรเพิ่ม ต้องมองและทำความเข้าใจทิศทางที่เราจะไปต่อ
-แบบเชิงรุก ต้องมีการศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆการตลาดวางแผนและแนวทางวิธีแก้ไข ทดลองและปรับใช้
-แบบทรงตัว เป็นแบบเดิมๆ เป้าขายเท่าเดิมหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ไม่ได้คิดจะให้เติบโตขึ้นไป ไม่ลงทุนเพิ่มให้ยอดขายคงเดิม แต่เป็นความคิดที่ผิด เพราะมันจะทำให้การพัฒนาหรือกำไรถดถอยลงได้
-แบบถดถอย ไม่ได้แปลว่าแพ้หรือล้มแต่คล้ายๆกับเราดูตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหุ้น การลงทุน โดยการคิดคำนวณ และการลงทุนไปในบริษัทต่างๆ เพื่อให้เราได้กำไรที่เหมาะสม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เรามีชั้นเชิงในการทำธุรกิจ
ซึ่งเป็นการคิดวิเคราะห์ที่น่าสนใจในการพัฒนาตัวเอง ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นในทางธุรกิจค่ะ
การวางแผนกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและเติบโตในสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้จัดการจึงต้องมีมุมมองเชิงรุกและเตรียมพร้อมในการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เข้าใจสถานะองค์กร: ผู้จัดการควรประเมินว่าองค์กรอยู่ในสถานะใด ควรรุก ขยายตัว หรือรักษาสถานะปัจจุบัน
วิจัยตลาดและแนวโน้ม: ศึกษาความต้องการของตลาดและเทรนด์ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตรงกับความต้องการ
พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: นำข้อมูลจากการวิจัยมาสร้างสรรค์สินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อกระแสและความต้องการของผู้บริโภค
ปรับปรุงบริการ: นอกจากสินค้า ควรพัฒนาการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า
บริหารความเสี่ยง: วางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกองค์กร
หนูคิดการวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากการเข้าใจตนเองและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ผู้จัดการควรมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เมื่อจำเป็น การวิจัยตลาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ควรทำอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงและโอกาสที่อาจเกิดขึ้น การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้องค์กรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
การวางแผนกลยุทธ์ไม่ใช่เพียงแค่การกำหนดทิศทาง แต่ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวอีกด้วยค่ะ
เทคนิคการวางแผนกลยุทธ์ให้กำไรเพิ่ม ถือว่ามีประโยชน์ในสถานการณ์ปัจจุบัน สถานการณ์ปัจจุบันนี้มีการแข่งขันที่สูง
คู่แข่งก็เยอะพอสมควร แต่การเพิ่มกลยุทธ์หรือวิธีเพิ่มยอดขาย ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งกลยุทธ์ในปัจจุบันเราควรที่จะเป็นแบบเชิงรุกไม่ใช่รอ ลูกค้าเข้าร้านอย่างเดียว ปัจจุบันเราสามารถเพิ่มกลยุทธ์หรือวิธีหาลูกค้าได้ในช่องทางต่างๆโดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ปัจจุบันนี้ก็จะเป็น tiktok ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ที่กำลังนิยมที่สุดโดยที่เราไม่ได้ใช้ต้นทุนมากแต่เป็นผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นเทคนิคการวางแผนกลยุทธ์นี้สามารถนำมาปรับใช้ในปัจจุบันได้หลายๆอย่างเพื่อให้ตรงความต้องการของเราและของผู้บริโภคด้วย และสามารถให้เรามีความคิดหรือแนวคิดสร้างสรรค์เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอะไรที่ไม่เคยทำเราก็ต้องลองทำดูอย่าคิดว่าทำไม่ได้ และต้องคำนึงถึงผลประโยชน์และขาดทุนควรที่จะวางแผนกลยุทธ์ให้ดี เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าและตัวเรา
สรุปบทความ เทคนิคการวางแผนกลยุทธ์ ให้กำไรเพิ่ม
ในสภาวะที่ธุรกิจมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง นักธุรกิจต่างฝ่ายต่างต้องการชัยชนะ มีการเจริญเติบโตที่ดี จึงเป็นหน้าที่ของผู้จัดการที่ต้องสังเกตถึงสิ่งที่ต้องกระตุ้นให้พนักงานของตนเองนั้นทำงานเชิงรุก มีผลงานทุกวัน
การบริหารของผู้จัดการจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงคือต้องมุ่งเน้นการบริหารเชิงรุกมากกว่าเพียงแค่นั่งรอความสำเร็จ การทำงานจึงต้องทันต่อกระแสโลกที่เปลี่ยนไป ที่สำคัญคือคู่แข่งต่างปรับตัวช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น
เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ การเพิ่มสายผลิตภัณฑ์
การมองแผนงานของผู้จัดการอัจริยะจำเป็นต้องเริ่มทำความเข้าใจกับตนเอง ว่าองค์กรตนเองจะเป็นเช่นไร
แนวทางการวางแผนทิศทางองค์กรให้กำไรเพิ่ม เป็นหน้าที่ของผู้จัดการที่ต้องมีการจัดทำหรือพิจารณาอย่างน้อยปีละครั้ง และทบทวนความคืบหน้าของแผนงานอย่างน้อยทุกไตรมาส เพราะตัวแปรทางธุรกิจจะมีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้จัดการต้องมีการปรับแผนเป็นประจำ ชั้นเชิงหรือมุมมองของแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจต้องเปลี่ยนให้สอดคล้องทันต่อเหตุการณ์
สิ่งที่ได้จากการอ่านบทความ : ในโลกของธุรกิจจำเป็นต้องมีการทำงานแบบเชิงรุก มีการตื่นตัวตลอดเวลา เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปทุกวันอย่างรวดเร็ว เราจึงมีความจำเป็นจะต้องมีการวางแผนการทำงานทุกปี และมีการกระตุ้นพนักงานเป็นระยะ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
การวางแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มกำไร มีหลายวิธีที่เราสามารถทำได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้
อย่างแรกเลย เราอาจลองลดต้นทุนการดำเนินงานดู เช่น ค่าใช้จ่ายในการผลิตหรือการจัดส่งสินค้า หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา หากคุณสามารถลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ กำไรของเราก็จะเพิ่มขึ้น
อีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีคือการเพิ่มยอดขาย เราอาจทำได้โดยการขยายฐานลูกค้าของเราไปยังตลาดใหม่ๆ หรือการทำโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ
สุดท้ายนี้ อาจจะลองปรับปรุงกระบวนการทำงานของ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดของเสีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไร ได้เช่นกัน
จากที่ได้อ่านบทความเทคนิคการวางแผนกลยุทธ์ ให้กำไรเพิ่ม การวางแผนกลยุทธ์ต้องศึกษาข้อมูลที่เยอะและทิศทางการวางแผน การปรับตัว ณ ปัจจุบัน
ในการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ผู้จัดการควรทำงานเชิงรุก คิดทำในสิ่งที่แตกต่าง สร้างโอกาสใหม่ๆเพื่อเพิ่มรายได้ โดยควรพิจารณาว่า องค์กรควรรุก ทรงๆไว้ หรือควรถอย ซึ่งแนวคิด 3 ทิศทางนี้ต้องนำไปใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางธุรกิจ และนอกจากวางแผนแล้ว ผู้จัดการต้องทบทวนผลงานทุกๆไตรมาส เพื่อให้กลยุทธ์นั้นนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สังเกตถึงสิ่งที่ต้องกระตุ้นให้พนักงานของตนเองนั้นทำงานเชิงรุก มีผลงานทุกวัน จึงต้องตั้งคำถามเพื่อถามตนเองและพนักงานของตนเอง ถึงเส้นทางความสำเร็จ
ต้องเริ่มทำความเข้าใจกับตนเอง ว่าองค์กรตนเองจะเป็นเช่นไร
ต้องมุ่งเน้นการบริหารเชิงรุกมากกว่าเพียงแค่นั่งรอความ สำเร็จ
แนวทางการวางแผนทิศทางองค์กรให้กำไร
เพิ่ม จึงเป็นหน้าที่ของผู้จัดการอัจฉริยะที่ต้องมีการจัดทำ ทบทวนความคืบหน้าของแผนงานอย่างน้อยทุกไตรมาส เพราะตัวแปรทางธุรกิจจะมีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ทางธุรกิจต้องเปลี่ยนให้สอดคล้องทันต่อเหตุการณ์ หลักสำคัญคือ ผู้จัดการจำเป็นต้องแปรความหมายในแผนกลยุทธ์นั้นๆ ให้เป็นรูปธรรม คือสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างแนวทางความเข้าใจของพนักงานทุกคนร่วมกันในองค์กร เพราะงานทุกงานไม่สามารถสำเร็จด้วยดี ถ้าปราศจากการทำงานเป็นทีม การก้าวเดินอย่างสบายๆ อย่างผู้จัดการ ทำให้โอกาสทำงานพลาดจึงเป็นเรื่องยาก แถมยังเห็นอนาคตการสร้างรายได้แบบข้ามขั้น มีการทำงานเชิงรุกอยู่ตลอดเวลา พนักงานพร้อมลุยงาน เต็มที่
สรุปใจความสำคัญจากข้อความนี้ได้ว่า ธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงและผู้จัดการต้องมุ่งเน้นการบริหารเชิงรุก โดยไม่เพียงแค่รอคอยความสำเร็จ แต่ต้องมีการวางแผนและทำงานที่มีทิศทางชัดเจน การสร้างกลยุทธ์และการนำทีมไปสู่ความสำเร็จจำเป็นต้องเข้าใจลักษณะขององค์กรและปรับตัวตามสภาพการแข่งขัน รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
ผู้จัดการอัจฉริยะจึงต้องมองเห็นความสำคัญของคนในองค์กร และการสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานทำงานเชิงรุก รวมถึงการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการขยายธุรกิจ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่หรือเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของตลาด เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมีผลสำเร็จในระยะยาว นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยง และการปรับตัวในการควบกิจการหรือการขยายธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ธุรกิจอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งและไม่เสียเปรียบในการแข่งขัน.
เทคนิคการวางแผนกลยุทธ์ให้ได้กำไรเพิ่ม
มี3ทิศทาง
1 ถ้าองค์กรมองว่าคนจะลุก ลุกยังไงให้มั่นคง มีอยู่หลายวิธีเช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การ
2 เพิ่มสายผลิตภัณฑ์
3 เป็นแนวความคิดที่จะถดถอย คือการลดการครอบครองลูก และ จะได้พูดให้มี เอากับพ่อตัวเอง ที่มีผล ทำให้ ต่อเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนกลยุทธ์ เพื่อให้ได้กำไรเพิ่ม ปัจจัยลุกทางการตลาด คือการเอาผลิตภัณฑ์เป็นที่ตั้ง วิธีการนำสินค้ามาเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกเช่น
1. การออกผลิตภัณฑ์ใหม่
2.การเพิ่มสายผลิตภัณฑ์
3.แนวความคิดที่ถดถอย ถอยเพื่อปรับตัว
มีการแข่งขันทางการตลาดที่สูงมาก จึงต้องมีการปรับตัว และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อยู่เสมอ