5 ขั้นตอน สร้าง Growth Mindset เพื่อ พนักงานขาย เป็น การพัฒนาความคิด Growth Mindset สำหรับพนักงานขาย ทำให้มีความคิดเชิงรุก ที่แตกต่างจากการขายแบบเดิม ๆ เข้าหาลูกค้า สร้างความพอใจให้ลูกค้า ทำให้เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้เพิ่มมากขึ้น
5 ขั้นตอน สร้าง Growth Mindset เพื่อ พนักงานขาย
1.วิเคราะห์ตนเอง และ ทำความเข้าใจ สถานการณ์ปัจจุบัน
2. การคิดวิเคราะห์ พนักงานขาย จะได้รับอะไรจาก Growth Mindset
3. เริ่มเปลี่ยนแปลงทีละขั้น จากน้อยไปสู่มาก
4.ประชุม ร่วมกันตัดสินใจ ในการ พัฒนา Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย
5.เสริมแรงกระตุ้น ให้มีกำลังใจ
5 ขั้นตอน สร้าง Growth Mindset เพื่อ พนักงานขาย
เขียนโดย วิทยากร สอนการขาย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย
ปัจจุบัน การแข่งขันทางธุรกิจ รุนแรงเพิ่มมากขึ้น และทำให้ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกว่า ธุรกิจจำเป็นต้องมีการขายที่มีเดิมพันสูงขึ้น คือ ไม่ชนะ ก็ ตาย หรือ ปิดบริษัทไป ทางเลือกของ ผู้จัดการฝ่ายขาย จึงต้องตัดสินใจที่จะเดินต่อ ให้ประสบความสำเร็จที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือ จะยอมให้ธุรกิจถดถอยและพ่ายแพ้ ไปในที่สุด
การพัฒนายอดขายไม่สามารถทำได้ ด้วยพนักงานขายคนใดคนหนึ่ง หรือ ผู้จัดการฝ่ายขายเพียงฝ่ายเดียว การดำเนินการที่สำคัญคือ การเปลี่ยนทัศนคติของพนักงานขาย ให้มีทัศนคติการขายใหม่ เป็น โดยลดแนวทางการทำงานขายแบบเดิม ๆ จนกระทั้งได้แนวทาง การคิดในการขายแบบใหม่ได้
นักจิตวิทยา ชาวอเมริกัน คุณ Carol Dweck ได้อธิบายไว้ คนที่เชื่อว่าความสามารถของตนสามารถพัฒนาได้ โดยการผ่านการทำงานหนัก มีกลยุทธ์ที่ดี และข้อมูลจากผู้อื่น จะมีชุดความคิดแบบเติบโต หรือที่เรียกว่า Growth Mindset มักจะประสบความสำเร็จมากกว่า คนที่มีชุดความคิดแบบตายตัว หรือที่เรียกว่า Fixed Mindset กลุ่มคนเหล่านี้มักเชื่อว่าความสามารถของตน มาจากพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดพัฒนาไม่ได้
พนักงานขายที่มี Growth Mindset จะเข้าใจตนเองและไม่กังวลว่าใครจะมองว่าเขาไม่ฉลาด ทำให้พนักงานขายที่มี Growth Mindset จะทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนรู้ [LINK] เทคนิคการขาย เพิ่มมากขึ้น
พนักงานขายที่มี ทันคติแบบ Fixed Mindset และ พนักงานขายที่มี Growth Mindset
เป็นที่เข้าใจได้ว่า จุดเริ่มต้นของความสำเร็จมาจากความคิด การพัฒนาความคิดจึงเท่ากับการพัฒนาความสำเร็จ แล้วความคิดแบบไหนที่ถูกต้องเพื่อทำให้พนักงานขายประสบความสำเร็จ มองเรื่องการปิดการขายไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
พนักงานขายที่มีความคิดแบบ Fixed Mindset (ความคิดแบบคงที่) จะมีความเชื่อที่ว่าความสามารถและสติปัญญาเป็นลักษณะคงที่ ที่ไม่สามารถพัฒนาได้ การได้มาซึ่งยอดขาย คือการที่ลูกค้ามีความต้องการด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อช่วยในการปิดการขาย หรือ ถ้าจะทำอะไร ก็ไม่ต้องทุ่มเทมาก เพราะลูกค้าจะตัดสินใจซื้อหรือไม่ขึ้นกับความจำเป็นหรือความต้องการของลูกค้าแต่ละคน
มายเซ็ทของพนักงานขายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้า..
พนักงานขายที่มีความคิดแบบ Fixed Mindset (ความคิดแบบคงที่) พยายามหลีกเลี่ยงความท้าทาย หรือการติดต่อลูกค้าที่ยาก ๆ ถึงแม้จะมียอดขายที่มากก็ตาม เพราะพนักงานขายเหล่านี้จะกลัวความผิดพลาด หรือความล้มเหลวหรือการเปิดเผย จุดอ่อนที่ตนเองมี และรับไม่ได้กับการยอมรับจุดอ่อนของตนเอง พนักงานขายที่มีความคิดแบบ Fixed Mindset (ความคิดแบบคงที่) จะหวั่นไหวต่อคำติชมของผู้อื่น แต่พฤติกรรมมักจะยึดมั่นในสิ่งที่ตนรู้ เพียงพอเท่านี้ ไม่ต้องการรับรู้สิ่งใหม่ ๆ ต่อต้านคำติชม และถึงแม้จะรู้จุดอ่อนของทีม แต่ก็มองว่าทีมขายทำได้เท่านี้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือพัฒนาได้
ในทางกลับกัน พนักงานขายที่มีความคิดแบบ Growth Mindset (ความคิดแบบเติบโต) จะยอมรับแนวคิดที่ว่า ทัษะการขายของพนักงานขายสามารถพัฒนาได้ ผ่านการทำงานด้วยความทุ่มเทและการทำงานหนัก พนักงานขายที่มีความคิดแบบนี้มองว่า การขายที่ยาก ๆ คือความท้าทาย เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเติบโต โดยยอมรับคำติชม และสนับสนุน เพื่อนำมาเป็นพื้นฐานการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในการทำงานขายของตน จึงจำเป็นต้องสร้าง Growth Mindset ในงานขาย
ตัวอย่าง พนักงานขายที่มีการใช้วิธีคิดแบบ Fixed Mindset (ความคิดแบบคงที่):
พนักงานขายชื่อ เอ เป็นพนักงานขายที่ทำงานมานาน มีประสบการณ์ทำงานในบริษัทใหญ่ มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ในอดีด คุณเอทำยอดขายได้เป็นอย่างดี รู้สึกภูมิใจในวิธีการขายของเขามาโดยตลอด เพราะทำเป้าขายได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดขายของเขากลับลดลง อย่างไม่รู้สาเหตุ คุณเอ ไม่ทราบว่าจะค้นหาสาเหตุที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงในการทำให้ยอดขายลดลง เพราะคุณเอ ได้ใช้วิธีการขายแบบเดิม ๆ และก็คิดว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะใช้เทคนิคการขายเช่นนี้มานาน ยิ่งไปกว่านั้น มีคนแนะนำให้ คุณเอ ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการขาย แต่คุณเอ ยังลังเลและมองว่า เทคโนโนลี เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ทำให้เขาไม่เต็มใจที่จะ บริหารการเปลี่ยนแปลง เพื่องานขาย ในตนเอง ไม่ต้องการปรับตัวและลงทุนในการพัฒนาเทคนิคการขายของเขาทำให้การปิดการขายหยุดชะงักและเริ่มต้น จากเป็นจุดแข็งของทีม กลายเป็นจุดอ่อน และทำให้พนักงานขายในทีมขาย ขาด แรงจูงใจ Motivation ในการขาย
ตัวอย่าง พนักงานขายที่มีวิธีคิดแบบ Growth Mindset (ความคิดแบบเติบโต):
พนักงานขายชื่อ บี เป็นพนักงานขายในบริษัทสตาร์ทอัพที่ ทันสมัยและยอดขายที่เติบโตอย่างรวดเร็วกัน คุณ บี มองว่า ธุรกิจ จำเป็นต้องแข่งขันและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งลูกค้าและคู่แข่ง ทำให้เทคนิคการขาย ที่ตนเองเคยทำ ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของตนเองก่อนและต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นกัน
คุณ บี ลงทุน ในการฟังพอดแคสต์ ในวันเสาร์ อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุด ไม่ต้องไปหาลูกค้า หรือ ไม่เคยขาดโปรแกรมการฝึกอบรม หลักสูตร 8 ขั้นตอนการเป็นนักขายมืออาชีพ การเรียนรู้ กลยุทธ์ในการเจรจาต่อรอง ให้การสนับสนุนให้ทีมงานขาย ด้วยการเป็นโค้ชทีมขาย เพื่อค้นหา กลยุทธ์การขายเชิงรุก ใหม่ๆ มี การบริหารการเปลี่ยนแปลง ในงานขาย และใช้ การคิดวิเคราะห์ ข้อมูลเพื่อปรับปรุงแนวทางการขายของทีมขาย
เมื่อพนักงานขายบางคนกำลังเผชิญกับอุปสรรคในการขาย คุณบี มักให้กำลังใจและมองว่า ปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ คือโอกาสในการพันาเทคนิคในการขายและเชิญชวนเพื่อนพนักงานขาย มาประชุมฝ่ายขาย เพื่อค้นหาแนวทางแก้ไข ผลลัพธ์ที่ได้คือ ทีมงานขายไม่เพียงแต่บรรลุเป้าหมายยอดขาย แต่กลับทำยอดขายได้เกินเป้าหมาย เป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมใหม่ในการขายของทีมขาย
“แนวคิด Growth Mindset เพื่องานขาย (ความคิดแบบเติบโต)” กลายเป็นคำยอดนิยมขององค์กรการขาย โดยเฉพาะในบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่ง จนหนึ่งในคำสร้างคุณค่าขององค์กร มักมีคำว่า “นวตกรรม” หรือ “การเปลี่ยนแปลง” การคิดนอกกรอบ การคิดสร้างสรรค์ ต่างเห็นคำสำคัญที่ต้องใช้ในการขับเคลื่อนให้ พนักงานขายมี ความคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่องานขายทั้งสิ้น
หนังสือแนะนำ
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีพนักงานขายจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการมี ความคิดแบบเติบโต Growth Mindset ซึ่งสามารถสรุปได้ 3 อย่างดังนี้
1.พนักงานขายทุกคน มี การคิดแบบเติบโต Growth Mindset มาตลอดอยู่แล้ว
ผู้คนมักสับสนระหว่างแนวคิด การคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย กับ ความยืดหยุ่น โดยมีความคิดเปิดกว้าง หรือมีทัศนคติเชิงบวก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พนักงานขาย ต่างเชื่อว่าตนมีมาโดยตลอด ซึ่งในความเป็นจริง ความคิดเช่นนี้ เป็นการคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย ที่ผิดๆ ความเป็นจริง คือ พนักงานขายทุกคนล้วน เป็นส่วนผสม ของความคิดในการขายแบบตายตัว Fixed Mindset และความคิดในการขายแบบการเติบโต Growth Mindset
ส่วนผสมดังกล่าว พนักงานขายต้องถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะแนวคิดการเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย ที่แท้จริงไม่คงอยู่ได้ ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อนำ แนวคิดการเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย มาสร้างผลประโยชน์ ด้วยการปิดการขาย ตามเป้าหมายที่ต้องการ
2.ความคิดแบบเติบโต Growth Mindset เป็นเพียงคำหวาน ไว้ชื่นชม เพื่อให้เกิดแรงกระตุ้น เท่านั้น
เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นการให้รางวัลกับความทุ่มเทในการทำงานของพนักงานขายจึงสร้าง คำ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย แต่ในความเป็นจริงนั้น ความพยายามขาย เข้าเยี่ยมลูกค้าบ่อย ๆ จะไม่เกิดประสิทธิผลที่เป็นสิ่งที่ดีเลย และทำให้ปิดการขายไม่ได้ ถ้าไม่มีการสร้างความคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย การขายที่ดีจึงไม่ใช่แค่ให้รางวัลกับตนเอง ที่เป็นแค่ความพยายามเท่านั้น แต่พนักงานขายที่มีความคิดเติบโต จะมองถึงการเรียนรู้และความก้าวหน้า การสร้างเครือข่ายในการขาย การนำกลยุทธ์ใหม่ๆ มาใช้ และการใช้ประโยชน์จาก ปัญหา อุปสรรค มาเป็นประสบการณ์ เพื่อเทคนิคการขายที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น การปิดการขาย คือ ผลลัพธ์สุดท้ายนั้นนั่นเอง พนักงานขายและผู้จัดการฝ่ายขายจำเป็นต้องพร้อมใจในการพัฒนา Growth Mindset สำหรับพนักงานขายอย่างจริงจัง
3.การยึดมั่นใน Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย ทำแค่ สิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น
ความปรารถนาดีอันแรงกล้า ของพนักงานขาย คือการปิดการขายให้ได้มาก ๆ ทำยอดขายให้ได้สูง ๆ เป็นการสะท้อนการทำงาขายที่ยอดเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสิ่งที่พนักงานขายกำลังทำ ขัดแย้งกับค่านิยม ที่เป็นเป้าหมายการขาย ขององค์กร เช่น อัตราการเติบโต การสร้างความน่าเชื่อถือ และรับประกันคุณภาพ ค่านิยมเหล่านี้ไม่มีความหมายสำหรับพนักงานขายเลย หากพนักงานขายไม่นำนโยบาย ที่ทำให้ค่านิยมเป็นจริงมาใช้ องค์กรที่มีแนวคิดความคิดแบบเติบโต Growth Mindset จะไม่มองแค่ สิ่งดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะให้พนักงานขาย จะให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงที่สมดุลย์และเหมาะสม โดยทุกครั้งที่พนักงานขายได้ทำงานขาย จะต้อง คิดเชิงวิเคราะห์ หรือ การคิดเชิงตรรกะเพื่อค้นหาความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้รางวัลแก่พนักงานขายที่มีการระมัดระวัง ที่ทำให้เกิดความเสี่ยง มาเป็นบทเรียนสำคัญ ถึงแม้จะปิดการขายไม่ได้ ก็ตาม การคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย จะสนับสนุนการทำงานขายแบบร่วมกัน แทนการแข่งขันกันระหว่างพนักงานขายหรือกับหน่วยงานอื่น ๆ โดยพนักงานขายทุกคนจะมุ่งมั่นเพื่อพัฒนา การคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย ของพนักงานขายทุกคน ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ด้วยการกระทำ เช่น เพิ่มโอกาสในการพัฒนา Growth Mindset หรือ การพัฒนา เทคนิคการปิดการขาย เพื่อสนับสนุน การคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย อย่างต่อเนื่อง
จะสร้างทัศนคติการขายใหม่ ด้วย Growth Mindset เพื่อ พนักงานขาย ได้อย่างไร?
การคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย จะช่วยให้พนักงานขายพร้อมที่จะประสบความสำเร็จ ด้วยตนเอง เปิดความคิดให้กว้าง ให้เข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะปรับตัว พัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และสามารถสร้างยอดขายอย่างเป็นรูปธรรม
จึงเป็นความจำเป็นของผู้จัดการฝ่ายขาย ที่ได้กล่าวไว้ในหลักของ 6 เครื่องมือในการบริหารทีมขาย ซึ่งจะให้ความสำคัญในการพัฒนา การคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย ด้วยเส้นทางการพัฒนา 5 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์ตนเอง และ ทำความเข้าใจ สถานการณ์ปัจจุบัน
เริ่มต้นการเปิดใจยอมรับและเริ่มต้นสำรวจว่าความจริงที่ทำให้การขายไม่บรรลุเป้าหมายคืออะไร ทำไมลูกค้าไม่ซื้อ ทำไมถึงปิดการขายไม่ได้ ทำไมทำ การนำเสนอด้วยการเล่าเรื่อง แล้วไม่น่าสนใจ ความคิดอะไรบ้างท่ำให้ติดขัด ไปต่อไม่ได้ เป็นความคิดที่ยึดติด หรือ Fixed Mindset หรือความคิดที่ยึดติด เพราะทางเลือกมีน้อยจริง ๆ หรือมีทางเลือกแต่พนักงานขายไม่กล้าที่จะเลือก หน้าที่สำคัญคือการค้นหาปัญหาที่เป็นอุปสรรคให้เจอ และกระตุ้นให้ความคิดไปข้างหน้า ด้วยการ ปลุกพลังทางความคิด เพื่อพิชิตใจลูกค้า การปรับมุมมองที่ไปข้างหน้า
วิธีที่ดีที่ง่ายที่สุด ในการพัฒนา การคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย คือการตั้งเป้าหมายเล็กๆ เป็นเป้าหมายที่บรรลุได้ง่าย เช่นยอดขายที่ไม่สูงมาก ซึ่งจะช่วยให้พนักงานขายได้รับแรงผลักดัน ที่สามารถช่วยให้พนักงานขายมีกำลังใจ ในการทำให้บรรลุเป้าหมาย
อย่าลืมว่า เป้าหมายของการคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย คือการสนับสนุนให้พนักงานขายประสบความสำเร็จ ช่วยให้หลุดพ้นจากความคิดที่ควที่ หรือความคิดที่ติดขัด ให้ได้ หากต้องการทำแบบนั้น คุณต้องพัฒนาการคิดแบบ Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย เป็นประจำจนเกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ในองค์กร
ขั้นตอนที่ 2: การคิดวิเคราะห์ พนักงานขาย จะได้รับอะไรจาก Growth Mindset
ค้นหาวิธี การสื่อสารภายในองค์กร ด้วยวิธีพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว กับพนักงานขาย ว่าพนักงานขายทุกคนจะได้รับอะไรจากการพัฒนาการคิดแบบ Growth Mindset โดยไม่นำเรื่อง เงิน มาเป็นที่ตั้ง โดยให้ทุกคนค้นหาแนวทาง ที่จะทำให้ทุกคนบรรลุเป้าหมาย เช่น จะพัฒนายอดจาก 80% เป็น 100% หรือ 110% ต้องทำอย่างไร หรือ ต้องการความช่วยเหลือด้านใด ปล่อยให้ พนักงานขายตอบคำถามเหล่านี้ด้วยตนเองเอง โดยกระตุ้นใหระบุ เจาะจงอย่างชัดเจน และแสดงอารมณ์ออกมา หากไม่สามารถทำให้พนักงานขายแสดงออกว่าทำไมการเปลี่ยนพฤติกรรม จึงสมเหตุสมผลที่ควรกระทำ ไม่ใช่สิ่งที่แค่อยากทำ แต่เป็นแรงบันดาลใจที่แรงกล้า ที่ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ให้มี Growth Mindset นั่นเอง
ขั้นตอนที่ 3: เริ่มเปลี่ยนแปลงทีละขั้น จากน้อยไปสู่มาก
จุดเล็ก ๆ เมื่อรวมตัวกัน ก็จะกลายเป็นวงใหญ่ขึ้นมา มีความหมายว่า การเปลี่ยนความคิดจาก Fixed Mindset ให้มาเป็น Growth Mindset ให้เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เล็ก ๆ และทำได้ ทำได้ง่าย ๆ ก่อน แทนความพยายามเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในทันที ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของบุคคลในทันที โดยให้แยกขั้นตอนการขาย ออกมาเป็นส่วน ๆ สิ่งหนึ่ง หรือ สองสิ่ง ออกมา แล้วทำการพัฒนา Growth Mindset เพื่องานขาย ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เช่น พนักงานขายบางคน มุ่งเน้นไปในการพัฒนา Growth Mindset ของการค้นหาลูกค้าและการปิดการขาย เราจำเป็นต้องมาวิเคราะห์การสร้าง Growth Mindset ที่การค้นหาลูกค้าและปิดการขาย ด้วยการเริ่มต้นที่จะสื่อสารแบบ 2 ทาง ไปมาเพื่อการแลกเปลี่ยนและค้นหาแนวทางของ ความคิดแบบเติบโต Growth Mindset ที่ดีที่สุดนั่นเอง
ขั้นตอนที่ 4: ประชุม ร่วมกันตัดสินใจ ในการ พัฒนา Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย
การกำหนดการประชุม ที่จะต้องนำประเด็นการพัฒนาความคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย โดยที่พนักงานขายมีหน้าที่ต้องรายงานความเป็นจริงที่เป็นข้อมูลให้ทราบ ว่ามีแรงกดดันอย่างไรบ้าง ในการทำงานที่นี่ และทำการร่วมกันร่างแนวทางที่ต้องการพัฒนา ความคิดแบบเติบโต Growth Mindset โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเริ่มต้นในการพัฒนาความคิดในการเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย
ตัวอย่างที่ดีในการประชุมร่วมเพื่อค้นหาแนวทางในการพัฒนา ความคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย อาจจะเริ่มต้นจาการถามว่า “พวกเราทุกคนจะทำอะไร ที่ดีขึ้นได้กว่านี้อีก หรือมีวิธีการขายที่แตกต่างไปจากเดิมอะไรได้บ้าง” ในการประชุมทำเล่นนี้เรื่อยไป จนสามารถเปลี่ยนพฤติกรรม โดยสลัดพฤติกรรมแบบเดิม ๆ ออกไปได้จากพนักงานขายคนเดิม
ขั้นตอนที่ 5: เสริมแรงกระตุ้น ให้มีกำลังใจ
การสร้างแรงจูงใจที่จะทำให้พนักงานขายทุกคน ฟันฝ่าอุปสรรค ที่ทำให้ตนเองสามารถที่จะละทิ้ง การคิดที่ที่ยึดติด(Fixed Mindset) ลง เพื่อสร้าง การพัฒนาความคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย ได้ พนักงานขายจำเป็นต้องมีการทำงานร่วมกับพนักงานขายคนอื่น ๆ รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้จัดการฝ่ายขาย เพื่อเสริมกำลัง เป็นการกระตุ้นความคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย ทำให้ทัศนคติที่ดี เปลี่ยนพฤติกรรมแบบเติบโต Growth Mindset ที่มีประสิทธิผลต่อไป และเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ทางความคิดเชิงบวก ที่ยั่งยืนทั้งในมุมมองและประสิทธิภาพการทำงานแบบเติบโต Growth Mindset ผู้จัดการฝ่ายขายและพนักงานขายจำเป็นต้องมีการประชุมฝ่ายขายร่วมกัน โดยเริ่มต้นที่จะ มี การสื่อสาร 360 องศา เพื่อมั่นใจว่าพนักงานขายทุกคนจะนำพฤติกรรมใหม่แบบเติบโต Growth Mindset ไปใช้ และสะท้อนภาพให้ผู้จัดการฝ่ายขายได้ทราบ ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 90 วัน ด้วยความพยายามที่จะทำสิ่งใหม่ๆ จากทัศนคติในงานขายใหม่ ๆ ทำให้ความคิดใหม่ และพฤติกรรมใหม่เช่นกัน
วิธีคิดของผู้จัดการฝ่ายขาย สามารถส่งผลอย่างมากต่อความสำเร็จของทีมขาย ในขณะที่วิธีคิดแบบยึดติด (Fixed Mindset) ตัวอาจนำไปสู่ความซบเซา ความเฉื่อยชา และพลาดโอกาสในการขายที่พลาดไป วิธีคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย จะปลดล็อกศักยภาพของพนักงานขาย ทำให้พร้อมที่จะขับเคลื่อนการ ทำงานที่มี[LINK]ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และส่งเสริมวัฒนธรรม Growth Mindset ในการขาย พนักงานขายทุกคนพร้อมที่ปรับตัวและยืดหยุ่นเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ผู้จัดการฝ่ายขายสามารถรับมือกับความท้าทาย พร้อมที่จะคว้าโอกาสใหม่ๆ และนำทีมไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้ด้วยวิธีคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขาย
เมื่อไรก็ตาม ที่ผู้จัดการฝ่ายขาย สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติของทีมขาย ก็จะทำให้สร้างผลลัพธ์อันน่าภูมิใจด้วยการทำความเข้าใจและนำหลักการของวิธีคิดแบบเติบโต Growth Mindset เพื่อพนักงานขายไปใช้ ก็จะส่งผลที่ดีในการขาย ปิดการขายได้มากขึ้น สร้างรายได้ให้พนักงานขายมากขึ้น ๆ สู้ ๆ สู้แบบ Growth Mindset นะครับ
วิทยากร สอนการขาย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย
เทคนิคการขายกับ 4 แนวคิดที่นักขายรุ่นใหม่ต้องรู้
เทคนิคการขายกับ 4 แนวคิดที่นักขายรุ่นใหม่ต้องรู้ โดย ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ และ ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย แนวคิดของเทคนิคการขายที่นักขายต้องรู้และเข้าใจ ซึ่งในหลักสูตรการขายในปัจจุบันนั้นอาจจะไม่ได้พูดถึงแนวคิดเช่นนี้ที่นักขายพึงจะต้องมี...
หลักสูตรการขาย ตอนเจรจาต่อรอง
หลักสูตรการขาย ตอน "เทคนิคการเจรจาต่อรอง" โดย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่นักขายหลายคนเข้า "อบรมหลักสูตรการขาย" แต่ยังไม่สามารถเจรจาต่อรองและปิดการขายได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะมีนักขายหลายคนนั้นกลัวการเจรจาต่อรอง...
ผู้จัดการหรือผู้บริหาร ทำอย่างไร เมื่อผลประเมินพนักงานต่ำ
ผู้จัดการหรือผู้บริหารจะแก้ไขอย่างไร เมื่อผลประเมินพนักงานต่ำกว่าเกณฑ์ โดย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย มีผู้จัดการหรือผู้บริหารจำนวนไม่น้อยที่พอถึงเทศกาลการประเมินผลงานพนักงาน ก็จะออกอาการทำอย่างไรดี ไม่ใช่เรื่องการประเมิน...
เทคนิคการขาย:ใครผิด ใครถูก ใครได้ ใครเสีย
ใครผิด ใครถูก ใครได้ ใครเสีย โดย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย มีนักขายหลายคน เข้าอบรมหลักสูตรการขายหลายครั้งมักมีข้อสงสัยในเรื่องของความผิดหรือถูกระหว่างนักขายกับลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ จึงอยากจะนำมาเขียนเพื่อจะทำความเข้าใจโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในงานขาย ในคำถามถามในทำนอง...
จัดการอย่างไร เมื่อผู้บริหารหรือผู้จัดการไม่ชอบพัฒนาตนเอง
จัดการอย่างไร เมื่อผู้บริหารหรือผู้จัดการไม่ชอบพัฒนาตนเอง? stepplus training.com เป็นเรื่องที่หน้าประหลาดใจที่ปัจจุบันมีหลักสูตรผู้บริหารหรือหลักสูตรผู้จัดการดี ๆ มากมายแต่ผู้จัดการกลับไม่ชอบที่จะเข้าร่วมหรือพัฒนาตนเอง...
การประยุกต์ Bench-Marking ไปใช้
การประยุกต์ Bench-marking ไปใช้ คืออะไร? การประยุกต์ Bench-marking ไปใช้ คือการนำเครื่องมือเทคนิคที่ได้จากการอบรมเรือง Bench-marking มาใช้ในการทำงาน เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ ตรงกับเป้าหมายที่องค์กรกำหนดไว้ ซึ่งในการทำ Bench-marking ที่ดี ต้องมีขั้นตอนอย่างมืออาชีพ...
ขั้นตอนการทำ Bench-marking อย่างมืออาชีพ
Bench-marking คืออะไร? "การประยุกต์ Bench-Marking ไปใช้ คือ การนำกระบวนการจัดทำ Bench-marking ที่ได้รับความรู้มา เพื่อนำไปใช้ในการจัดทำ Bench-marking ภายในองค์กร ทำให้พนักงานทุกคน มีเครื่องมือในการจัดทำ Bench-marking ได้ตรงกับเป้าหมายที่องค์กรต้องการ" ขั้นตอนการทำ...
Strategic Benchmarking for Marketer
กลยุทธ์ทาง Bench-Marking สำหรับนักการตลาด คืออะไร? กลยุทธ์ทาง Bench-Marking สำหรับนักการตลาด คือ แนวทางการนำกลยุทธ์ ทาง Bench-Marking มาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางกลยุทธ์ ทางการตลาด ทำให้ความแตกต่างระหว่างตนเอง กับคู่แข่งได้ชัดเจนการจัดทำกลยุทธ์ทาง Bench-Marking...
ต้นทุน ขยับสูงขึ้น…ทำอย่างไร? ให้ธุรกิจอยู่รอด
ต้นทุน ขยับสูงขึ้น...ทำอย่างไร? ให้ธุรกิจอยู่รอด เป็นที่ทราบกันดีว่าในสภาวการณ์ปัจจุบันนี้ ต้นทุนของสินค้าต่างขยับขึ้นเป็นอันมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันขึ้นราคา ค่าแรงเพิ่ม ซึ่งเป็นเหตุให้ต้นทุนของสินค้า...
เทคนิคการนำเสนอให้ดี ก็ไม่พอ ถ้าต้องการขายให้ได้
เทคนิคการนำเสนอ ให้ดี ก็ไม่พอ ถ้าต้องการขายให้ได้ ในการขายนั้นบ่อยครั้งที่นักขายจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้คือ ลูกค้าบอกให้ไปนำเสนอขาย พนักงานขาย ก็นำ เทคนิคการนำเสนอ มากมาย แต่ทำไมเมื่อนำเสนอสินค้าแล้วลูกค้าไม่ซื้อ บางครั้งทำให้รู้สึกเสียกำลังใจเหมือนกัน ทำให้เบื่อ ๆ...
ลูกค้าทำท่าว่าสั่งปริมาณมาก เพื่อเจรจาต่อรองราคา แต่สั่งซื้อน้อย..!
ลูกค้าทำท่าว่าสั่งปริมาณมาก เพื่อเจรจาต่อรองราคา แต่สั่งซื้อน้อย..! ในการขายนั้นบางครั้งต้องขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งตัวแทนจำหน่ายชอบใช้ปริมาณการสั่งซื้อเพื่อมาต่อรองด้านราคา หรือบางครั้งก็ใช้ราคาคู่แข่งมาอ้างอิงเพื่อต่อราคา โดยใช้ราคาที่ต่ำมาก กับปริมาณการสั่งซื้อ...
เพิ่มผลงานของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ..ในเวลาที่จำกัด..
เพิ่มผลงานของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ..ในเวลาที่จำกัด.. มีคำพูดยอดนิยมของคนทำงานที่มักพูดกันบ่อย ๆ ว่า “ทำงานไม่ทัน” ซึ่งหมายถึงไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พอถูกถาม ก็มีเหตุผลมากมายที่จะอธิบายถึงสาเหตุว่าตนเองนั้นทำงานไม่ทันและเป็นเช่นนี้ทุกเดือน...
เทคนิคการขายแบบ B2B
เทคนิคการขายแบบ B2B มีนักขายหลายคนต้องขายสินค้าเพื่อให้ผู้อื่นนำไปขายต่อ ที่เรียกว่า เป็นตัวแทนจำหน่าย(ยี่ปั้ว ซาปั้ว) หรือที่ในปัจจุบัน จะเรียกว่า เป็นการขายในลักษณะ B2B ซึ่งก็ย่อมาจากคำว่า Business to Business คือเป็นการติดต่อระหว่งธุรกิจกับธุรกิจ...
The Super Manager
How to improve your organization productivities? (8 Modules of the Principle of Management) หมายเหตุ: หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่ประยุกต์มาจากหลักสูตรการบริหารจัดการ (Management Program) จาก The Japan Industrial Training (JITA) และ The Oversea Human Resource and...
Miller Heiman
Miller Heiman Miller Heiman: Strategic Selling® Program กลยุทธ์การขายแบบองค์รวมเพื่อชัยชนะในการขายที่ซับซ้อน (Complex Sales) การขายเชิงกลยุทธ์ ® ทำให้เห็นภาพการขายที่ชัดเจนในทุกโอกาสของการขายด้วยเครื่องมือของโปรแกรมเพื่อใช้ในการวางแผน ที่เรียกว่า บลูชีท (Blue...
กลยุทธ์สุดท้ายของการเจรจาต่อรองแบบ Negotiation Strategy for Win-Win
กลยุทธ์สุดท้ายของการเจรจาต่อรองแบบ Negotiation Strategy for Win-Win โดย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย ผู้อำนวยการหลักสูตรNegotiation Strategy for Win-Win: StepPlus ความจริงเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองที่ว่า..คนส่วนใหญ่ “ยอมแพ้” ทั้งที่ “ยังไม่เริ่มต้น” แล้วคุณล่ะ?...
Public Training
Hello world!
Welcome to WordPress. This is your first post. Edit or delete it, then start blogging!