เทคนิค การประเมินพนักงานเพื่อให้พนักงานยอมรับ เป็น แนวทางการพัฒนาทักษะขของผู้จัดการในการประเมินผลงาน ของพนักงาน เพื่อให้พนักงานยอมรับ ผลการประเมินในครั้งนั้น ๆ ซึ่งมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน
เทคนิค การประเมินพนักงานเพื่อให้พนักงานยอมรับ
3 ประเด็นหลักในการประเมินพนักงาน
1.เขาไม่คิดว่าผู้จัดการจะมีความซื่อสัตย์และเที่ยงตรงต่อการประเมินผลการทำงานของพนักงาน เพราะผู้จัดการมักจะให้คะแนนดี ๆ กับคนที่ใกล้ชิดมากกว่า
2.พนักงานรู้สึกผิดหวังต่อมุมมองของผู้จัดการที่ไม่ยอมรับผลงานที่พนักงานได้ทำ ทั้ง ๆ ที่เขาทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพราะผู้จัดการไม่มีเกณฑ์การวัดผลที่ชัดเจน
3.พนักงานไม่รู้ถึงความคาดหวังที่แท้จริงจากผู้จัดการว่าต้องการเป้าหมายอย่างไรในการทำงาน เปลี่ยนแปลงบ่อยจนสับสนว่าความต้องการที่แท้จริงคืออะไร
เทคนิค การประเมินพนักงานเพื่อให้พนักงานยอมรับ
เขียนโดย วิทยากร สอน หลักสูตร ผู้จัดการ ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย
เป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับคนที่เป็น ผู้จัดการ หรือผู้บริหาร ที่ทุกปี หรือ ทุกครึ่งปีจะต้องประเมินผลการทำงานของพนักงานตนเอง และเสียงสะท้อนที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดจากพนักงานคือการประเมินของผู้จัดการไม่มีความยุติธรรม ไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ดีพอ ทำให้พนักงานไม่พอใจ ไม่ยอมรับ บางคนถึงกับหมดกำลังใจในการทำงาน จนแย่สุดคือการลาออกจากที่ทำงานนั้น อย่างน่าเสียดาย
ดังนั้นการประเมินผลงานของพนักงานที่มีคุณภาพดีพอ จึงกลายเป็นเรื่องที่ผู้จัดการนำมาปรึกษากันในห้องหลักสูตรอบรมผู้จัดการอัจฉริยะ(The Super Manager) เป็นอย่างมาก เพราะการประเมินเป็นกุญแจสำคัญของผู้จัดการในหลายเรื่องเช่นเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน เป็นการวัดผลการทำงานงานของพนักงาน ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะความรู้ด้านต่าง ๆ ของพนักงานทำให้การทำงานดีขึ้น
การประเมินพนักงานที่ดีนอกจากสะท้อนภาพการทำงานของพนักงาน ยังสะท้อนภาพการบริหารจัดการของผู้จัดการอีก หมายความว่าถ้าหลังจากการประเมินพนักงานไปแล้ว ในปีถัดไปพนักงานยังคงมีผลงานที่ไม่ดี ไม่น่าภูมิใจ เท่ากับผู้จัดการคนนั้นไม่ได้นำผลจากการประเมินไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ เช่นการพัฒนาพนักงาน เปรียบเทียบง่ายกับการประเมินผลการเรียนของนักเรียนในห้องเรียนสะท้อนคุณภาพการสอนหรือการดูแลของครูในห้องนั่นเอง
การประเมินเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ทั้งผู้จัดการและพนักงาน แต่ถ้านำมาใช้ผิดวิธีก็จะกลายเป็นผลเสียมากกว่า เพราะจะทำให้พนักงานหมดกำลังใจ ไม่อยากทำงานให้ดีขึ้น ละทิ้งความรับผิดชอบที่ควรมี ถ้าองค์กรใดเป็นเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าใช้การประเมินไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง แต่ถ้าองค์กรที่เข้าใจหลักการประเมินก็จะนำการประเมินเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างแรงจูงใจหรือปรับทัศนคติให้พนักงานมีความรู้สึกดีต่อการพัฒนาตนเอง เพื่อนำมาพัฒนาองค์กรรวมถึงผู้จัดการสามารถนำมาใช้ในการวางแผนงานในอนาคตได้ วางเส้นทางความก้าวหน้าทางอาชีพให้พนักงาน หรือการวางแผนพนักงานที่มีความสามารถพิเศษหรือการวางแผนเพื่อการสืบทอดตำแหน่งในอนาคตของรุ่นพี่ที่จะเกษียณอายุไป
ความหมายของการประเมินพนักงาน คือเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบเพื่อให้ผู้จัดการนำมาใช้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการวัดผลการทำงานหรือประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ซึ่งมีความคาดหวังที่จะนำผลการประเมินมาใช้เป็นแรงจูงใจให้พนักงานอย่างพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น ทำให้พนักงานทุ่มเททำงานเต็มกับความ สามารถที่พนักงานมีอยู่ ตามแนวทางในการสร้างทุนมนุษย์ในองค์กร
แต่ในทางปฏิบัติมีพนักงานจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อมั่นเรื่องการประเมินจากผู้จัดการของเขาเพราะจากการสำรวจพนักงานหลายร้อยคนพบว่าพวกเขามีความรู้สึกต่อผู้จัดการที่มีหน้าที่ประเมินได้เป็น
3 ประเด็นหลักในการประเมินพนักงาน
1.เขาไม่คิดว่าผู้จัดการจะมีความซื่อสัตย์และเที่ยงตรงต่อการประเมินผลการทำงานของพนักงาน เพราะผู้จัดการมักจะให้คะแนนดี ๆ กับคนที่ใกล้ชิดมากกว่า
2.พนักงานรู้สึกผิดหวังต่อมุมมองของผู้จัดการที่ไม่ยอมรับผลงานที่พนักงานได้ทำ ทั้ง ๆ ที่เขาทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพราะผู้จัดการไม่มีเกณฑ์การวัดผลที่ชัดเจน
3.พนักงานไม่รู้ถึงความคาดหวังที่แท้จริงจากผู้จัดการว่าต้องการเป้าหมายอย่างไรในการทำงาน เปลี่ยนแปลงบ่อยจนสับสนว่าความต้องการที่แท้จริงคืออะไร
เทคนิคการประเมินการทำงานของพนักงาน ที่ดีจะเป็นเวทีในการสื่อสารระหว่างผู้จัดการและพนักงานที่จะใช้ในการหารือกันถึงผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้จัดการกับผู้จัดการลดลง ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งผู้จัดการและพนักงานจะได้ปรับความเข้าใจอันดีต่อกัน ทำให้การทำงานรื่นไหลเพราะต่างฝ่ายต่างหันหน้าเข้าสื่อสารกัน
เช่นในระหว่างการประเมิน ผู้จัดการกับพนักงานจะมีการสื่อสารกัน ผู้จัดการจะอธิบายความคาดหวังที่องค์กรมีต่อพนักงาน และเช่นเดียวกัน พนักงานอาจต้องการการสนับสนุนจากผู้จัดการ ก็จะทำให้มีโอกาสได้สื่อสารทำให้เข้าใจกันมากขึ้น แต่ถ้าการประเมินที่ไม่ดีหรือไม่มีคุณภาพดีพอ จะส่งผลเสียทำให้มีปัญหากับพนักงานทั้งเรื่องทัศนคติที่เป็นลบ ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน หรือบางครั้งเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้จัดการและพนักงาน ซึ่งในบางองค์กรจะพบเห็นได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาของการประเมินเช่นปลายปีเป็นต้น
ในการประเมินพนักงานนั้น บุคคลหลายคนที่ต้องมาเกี่ยวข้อง ต้องมีการทำงานเป็นระบบ ซึ่งสามารถสรุปเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องการประเมินผลงานพนักงาน มีอยู่ 4 คนที่สำคัญดังนี้
1) ผู้ถูกประเมิน คือพนักงานในตำแหน่งต่าง ๆ ที่จะถูกประเมินจากผู้บริหารหรือหัวหน้างาน
2) ผู้ประเมิน คือ ผู้ที่มีหน้าที่ประเมินพนักงาน เช่นผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือหัวหน้างาน
3) ผู้บริหารระดับสูงหรือบริษัทฯ คือ ผู้ให้การสนับสนุนการประเมินเพื่อนำผลมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสมดุลย์ของการประเมินของผู้จัดการที่มีต่อพนักงาน
4) ที่ปรึกษาหรือฝ่ายบุคคล คือ มีหน้าที่จัดทำการประเมินตามแนวความคิดทางหลักวิชาการเพื่อให้ได้ผลของการประเมินมีความถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งในทางปฏิบัติอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งตำแหน่งนี้จะคอยให้คำแนะนำ วิธีการการใช้เครื่องมือการประเมินและอธิบายถึงขั้นตอนการประเมิน ทำให้การประเมินไม่มีปัญหาและอุปสรรค
ในการประเมินพนักงาน นั้นอาจมีรายละเอียดมากมายและต้องมีการเตรียมการซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนที่จะนำการประเมินมาใช้ อาจจะยุ่งยากในปีแรกแต่ถ้าระบบการประเมินได้วางอย่างเป็นระเบียบการทำงานจะง่ายขึ้นในปีถัดไป
องค์ประกอบของการ ประเมินผลงานพนักงานที่สำคัญอยู่ 3 ส่วนด้วยกันดังนี้
1 ดัชนีชี้วัดหรือเป้าหมายในการทำงาน ซึ่งในหลายองค์กรใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะค้นหาดัชนีชี้วัดที่สำคัญให้มีความเหมาะสมกับหน้าที่หรือภารกิจที่พนักงานนั้นได้รับ เช่นบางองค์กรให้การตั้งใจมาทำงาน การรับผิดชอบต่องานของตน การใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความสารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี และยังมีอีกหลายปัจจัยที่ถูกนำขึ้นมาเพื่อกำหนัดดัชนีชี้วัดในการประเมินผลพนักงาน
2 กระบวนการในการประเมินพนักงาน เป็นแนวทางการที่ใช้ในการดำเนินการเพื่อประเมินผลพนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การตอบคำถามลงบนกระดาษ และผู้จัดการนำมาใช้เพื่อเป็นการพูดคุยกับพนักงานที่ถูกประเมิน การประเมินควรจะถูกเก็บเป็นความลับของผู้จัดการก่อนการที่จะมีการสื่อสารหรือประชุมอย่างเป็นทางการ ซึ่งพนักงานก็ต้อง เตรียมข้อมูลของตนเองเพื่อนำมาประชุมเช่นกัน แต่ในทางปฏิบัติผู้จัดการส่วนใหญ่จะลืมนึกถึงเรื่องของความลับของข้อมูล ทำให้มีโอกาสที่ข้อมูลจะรั่วไหลถึงพนักงานก่อนเวลาที่เหมาะสมในการเปิดเผย ทำให้ระหว่างการประชุมเพื่อประเมินผลงานจะเป็นการเผชิญซึ่งหน้าระหว่างผู้จัดการและพนักงาน อาจเป็นเหตุให้เกิดความไม่พึงพอใจหรือข้อขัดแย้งได้ในระหว่างประชุมได้
3 ผู้จัดการหรือผู้ประเมิน เป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญในการประเมินผลการทำงานของพนักงาน เพราะส่วนใหญ่ในสังคมของการทำงานนั้น จะให้ผู้บริหาร ผู้จัดการหรือหัวหน้างานเท่านั้นเป็นผู้ประเมิน ดังนั้นบ่อยครั้ง ทำให้มีข้อขัดแย้ง ระหว่างผู้จัดการซึ่งเป็นผู้ประเมินและพนักงานซึ่งเป็นผู้ถูกประเมิน หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานก็เป็นปัญหาเนื่องจากความไม่ยุติธรรมโปร่งใสในการประเมินผลการทำงานนั่นเอง ซึ่งกิจกรรมในการประเมินมีหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของแต่ละองค์กร แนวปฏิบัติการประเมินที่ใช้ได้ผลและเป็นที่นิยมนำมาใช้ คือ การประชุมแบบตัวต่อตัวระหว่างผู้จัดการและพนักงาน เพื่อใช้ในการปรึกษาผลงานในอดีตและความคาดหวังในอนาคตที่มีต่อพนักงาน
หนังสือแนะนำ
ซึ่งหัวข้อในการประชุมเพื่อประเมินผลพนักงานกันนั้นอาจจะมีดังนี้
- การทบทวนถึงเป้าหมายที่เคยกำหนดในอดีตและผลงานในปัจจุบันเป็นเช่นไร
- การกำหนดเป้าหมายใหม่ ซึ่งจะนำมาใช้ในการทบทวนในปีหน้า
- ทำการจดบันทึกเพื่อเป็นพันธะสัญญา สร้างการรับรู้ทั้งผู้จัดการและพนักงาน ทำให้ขจัดความสับสนของข้อมูลที่อาจจะพลาดไปในขณะสนทนา
ในหลักสูตรอบรมผู้จัดการอัจฉริยะ มักใช้การประเมินพนักงานนั้น อยู่ 2 เรื่องหลัก ๆ คือ
1 ความสามารถของพนักงาน ว่าพนักงานสามารถ ทำงานได้ดี ได้เรียบร้อย มีทักษะขนาดไหน ทำงานได้ถูกต้องหรือไม่
2 ความรับผิดชอบต่อหน้าที่การทำงาน เช่น การมาทำงานตรงเวลา ไม่วอกแวกระหว่างการทำงาน คำว่า “วอกแวก” หมายถึงการที่ไม่ทำธุระของตนเองมากเกินไป ในเวลางาน เช่นบางคน เล่นเกมส์ มากเกินไป หรือ เล่น Facebook มากเกินไป ดูหนังทาง Youtube มากเกินไป ดูหนังที่ตนเองเป็นสมาชิกมากเกินไป หรือดูหนังซีรีย์ ต่าง ๆ มากเกินไป จนทำให้ไม่ได้ทำงานที่ตนเองต้องทำ
ถ้าต้องเลือกพนักงานระหว่างพนักงานที่เก่งกับพนักงานที่รับผิดชอบจะเลือกใครเข้าทำงานดี มีการสำรวจจากผู้จัดการหลายร้อยคนที่เข้าอบรมหลักสูตรอบรมผู้จัดการอัจฉริยะ The Super Manager ปรากฏว่าผู้จัดการอัจฉริยะต่างลงความเห็นว่า อยากได้พนักงานที่มีความรับผิดชอบ มากกว่าพนักงานที่เก่ง เพราะพนักงานที่ไม่เก่ง แต่รับผิดชอบงานได้ดี นัน สามารถฝึกพัฒนาความเก่งได้ ซึ่งในหลักสูตรอบรมผู้จัดการได้มีเทคนิคการสอนงานพนักงานแทรกให้นำไปทดลองสอนงานกับพนักงานเช่นกัน ผู้จัดการอัจฉริยะมีความเชื่อว่าถ้าพนักงานของเขามีความรับผิดชอบ ก็จะทำให้เขาเก่งได้ในเวลาต่อมา แต่พนักงานที่ไม่รับผิดชอบ ถึงจะทำงานเก่งแต่ไม่รับผิดชอบ ผลงานก็ไม่ออกมาให้ปรากฏ
ปัญหาและอุปสรรคในการประเมินพนักงานระหว่างผู้จัดการและพนักงานตามแนวคิดข้างต้น อาจเป็นบ่อเกิดปัญหาที่ตามมาหลายประการ เช่น ความไม่ยุติธรรมของผู้จัดการ ความลำเอียง ทำให้ไม่มีความเที่ยงตรงในการประเมิน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการประเมินระหว่างผู้จัดการและพนักงาน และประเมินในช่วงปลายปีเท่านั้น ทำให้พนักงานจะขยันในช่วงที่ใกล้กับการประเมินและผู้จัดการบางคนก็ไม่ยุติธรรมทำให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานที่ต้องประจบประแจงผู้จัดการ เพื่อให้ผู้จัดการมองเห็นและได้รับผลงานที่ดีกว่าผู้อื่น
จึงเป็นเหตุสำคัญทำให้เกิดข้อขัดแย้งภายใน และยากที่จะแก้ไขเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการของผู้จัดการ ซึ่งแตกต่างจากองค์กรสมัยใหม่ จะมีการจัดการประเมินเชิงรุก หรือที่เรียกว่าการประเมินแบบ 360 องศา มาเป็นตัวช่วยในการประเมินพนักงาน
การประเมินผลพนักงานแบบ 360 องศานี้ เป็นแนวทางที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้แก้ปัญหาของการประเมินทำให้ลดความไม่พอใจของพนักงาน และทำให้ไม่มีข้อขัดแย้งในการทำงาน หรือถ้ามีข้อขัดแย้งก็น้อยลงมาก ตามแนวคิดที่ว่า พนักงานหนึ่งคนต้องทำงานร่วมกับคนหมู่มาก มีการปฏิสัมพันธ์กันแบบทุกมิติ คือกับคนทั้งในแผนกงานที่ตนเองสังกัดอยู่กับคนนอกแผนกงานที่ตนเองสังกัดอยู่ หรือกับกลุ่มคนนอกองค์กรไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือผู้ขาย
ดังนั้น การที่จะวิเคราะห์ถึงผลการปฏิบัติงานของพนักงานจึงควรจะมาจากมุมมองในหลาย ๆ มิติ เช่น
1) มุมมองของผู้บริหาร ที่จะพิจารณาถึง การบรรลุถึงเป้าหมายหรือไม่
2) มุมมองของเพื่อร่วมงาน ที่จะพิจารณาถึง การทำงานเป็นทีม การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
3) มุมมองของพนักงานในแผนกอื่นที่ต้องติดต่องานกัน ว่ามีการประสานงานเป็นเช่นไร และ4)ประการสุดท้ายคือมุมมองจากภายนอก ที่จะให้ความสำคัญกับการติดต่อประสานงาน การให้ข้อมูลหรือแม้แต่การบริการ ที่มีต่อลูกค้า
จุดเด่นของการประเมิน 360 องศานี้ สามารถที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงศักยภาพของพนักงานในด้านต่าง ๆ เช่นจะทราบถึงจุดอ่อน จุดแข็ง ทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กรของพนักงานจนสามารถที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาศักยภาพของพนักงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำเช่นการเลือกหลักสูตรการฝึกอบรม ก็สามารถจัดทำได้ตรงกับความเหมาะสมของพนักงาน ทำให้องค์นั้นไม่สูญเสียค่าใช้จ่ายในการพัฒนาพนักงานเพราะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ขององค์กร ทำให้ได้ประโยชน์จากการพัฒนาพนักงานโดยแท้จริง สำหรับวัตถุประสงค์ของการประเมิน 360 องศานี้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 5 ข้อดังต่อไปนี้
- เพื่อวัดและประเมินผลพนักงานให้มีความโปร่งใส ชัดเจน และมีความถูกต้องแม่นยำ
- นำผลที่ได้มาใช้ต่อยอดในการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เช่นการจัดฝึกอบรม หรือการกำหนดค่าตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น โบนัส หรือคอมมิชชั่น เป็นต้น
- สร้างกลไกการทำงานให้มีระบบการทำงานที่เกื้อกูลซึ่งกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มุ่งไปสู่การทำงานเป็นทีม (Teamwork) อย่างเป็นรูปธรรม ลดข้อขัดแย้งในการทำงาน
- สร้างกลไกการสื่อสารแบบสองทาง ทั้งภายในส่วนงาน ภายนอกส่วนงาน และภายนอกบริษัท ทำให้ขจัดข้อขัดแย้ง หรือความไม่พึงพอใจต่อการทำงานของพนักงาน
- สามารถนำมาสร้างกลไกการค้นหา พนักงานดีเด่น Employee of The Year หรือค้นหาพนักงานที่เป็นดาวเด่นเพื่อการโปรโมท เพื่อเป็นกลไกการสร้างแรงจูงใจหรือสร้างแรงกระตุ้นให้พนักงาน
เกณฑ์การประเมินคือมาตรฐานที่จะต้องนำมาใช้เพื่อทำให้การประเมินมีประสิทธิภาพ ซึ่งหลักเกณฑ์ที่เป็นพื้นฐานในการประเมินนั้น มีหลักที่ต้องถูกนำมาใช้ทั้งหมด 6 ข้อ เพื่อให้ผู้จัดการเข้าใจเป็นแนวทางที่ต้องนำมาใช้ในการประเมินผลพนักงานนั่นเอง
ข้อที่ 1) ข้อมูลการประเมินต้องละเอียดแม่นยำ
ผู้จัดการต้องมีแนวทางในการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาประมวลผลการปฏิบัติงานของพนักงาน จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความถูกต้อง แม่นยำ และโปร่งใสที่สุดในขณะนี้ ทำให้มีความยอมรับการประเมินกันในวงกว้างของพนักงาน
ข้อที่ 2) การประมวลผลการประเมินได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
ในการประมวลผล ผู้จัดการจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการประมวลผล เพื่อทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เพราะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่เร็วมากเท่าไหร่จะทให้ได้แนวทางในการพัฒนาพนักงานมากเท่านั้น
ข้อที่ 3) กระบวนการประเมินพนักงานที่ง่ายไม่ซับซ้อน
ขั้นตอนการประเมินถูกออกแบบให้มีความง่าย ทั้งการเข้าถึงการประเมิน สามารถทำความเข้าใจด้วยตนเองทั้งผู้ประเมินและผู้ถูกประเมิน เพื่อลดความผิดพลาดใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประเมินพนักงาน และพนักงานบางคนอาจรู้สึกเบื่อหน่ายต่อระบบประเมินผลการทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อนทำให้ไม่เต็มใจที่จะทำการประเมิน
ข้อที่4) ข้อมูลการประเมินพนักงานต้องถูกเก็บรักษาเป็นความลับ
ข้อมูลส่วนตัวของพนักงานและการประเมินของผู้จัดการจะต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับ โดยพนักงานแต่ละคนจะไม่เห็นการประเมินของผู้จัดการซึ่งเป็นผู้ประเมินหรือผู้ประเมินก็จะไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ประเมินบ้าง เพราะเป็นการประเมินแบบ 360 องศาและที่สำคัญคือเพื่อหลีกเลี่ยงการมีข้อขัดแย้งในการทำงาน (Conflicts in Management)
ข้อที่5) มีความเป็นส่วนตัว
เพื่อเป็นการทำงานที่โปร่งใสในการจัดการฐานข้อมูล ต้องมีการกำหนดถึงขอบเขตการเข้าถึงข้อมูลของผู้จัดการและพนักงาน ซึ่งคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องไม่รับรู้ถึงข้อมูลเหล่านี้ ก็จะทำให้ได้ประสิทธิภาพของการประเมินสูงสุด มีความโปร่งใส เพราะการประเมินเป็นเรื่องของแต่ละคน
ข้อที่6) มีการเก็บข้อมูลและประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์
ด้วยระบบจัดการกับฐานข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ จะทำให้สามารถเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการตัดสินใจของผู้บริหารในทุก ๆ ด้าน เช่น การปรับเงินเดือน การเลื่อนตำแหน่ง การกำหนดผลตอบแทนต่างๆ เช่น โบนัส คอมมิชชั่น อีกทั้งยังสามารถกำหนดแนวทางการพัฒนาศักยภาพของพนักงานในด้านต่าง ๆ สามารถนำผลที่ได้มาใช้ประกอบ การออกแบบการฝึกอบรมสัมมนาพนักงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับเทคนิคการประเมิน ผู้จัดการอัจฉริยะจำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี เพราะการประเมินพนักงานเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผู้จัดการอัจฉริยะจำเป็นต้องเข้าใจ 8 เทคนิคในการประเมินการทำงานของพนักงานให้ได้รับการยอมรับจากพนักงาน
- การเตรียมการการประเมินพนักงาน
มีการเตรียมแบบฟอร์มในการประเมินให้พร้อมและกำหนดวันที่จะใช้ในการประเมิน
- สื่อสารสองทางระหว่างผู้จัดการและพนักงาน
กระตุ้นให้มีการสื่อสารสองทางเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองของผู้จัดการและพนักงานในการประเมิน
- ตั้งใจฟังซึ่งกันและกัน
ในการสื่อสาร ผู้จัดการจำเป็นที่จะต้องตั้งใจฟังในประเด็นต่าง ๆ โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความคิดเห็นต่าง ระหว่างพนักงานและผู้จัดการ ในทางกลลับกันพนักงานที่เป็นผู้ถูกประเมินก็ต้องตั้งใจฟังมุมมองของผู้จัดการเช่นกัน
- ท่าทีที่เป็นมิตรในการสื่อสาร
ทั้งผู้จัดการและพนักงานจำเป็นที่ผู้จัดการจะต้องมีท่าทางการแสดงออกที่เป็นมิตรทั้งการพูด การสื่อสาร ทั้งภาษากายที่แสดงออกมาทำให้ผู้จัดการและพนักงานไม่รู้สึกกดดันในระหว่างการประ เมิน
- ให้ข้อมูลย้อนกลับแบบซื่อสัตย์และจริงใจ
การไม่ลำเอียงต่อข้อมูลที่ผู้จัดการจะให้ข้อมูลย้อนกลับ Feedback ต่อพนักงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าเป็นการFeedbackที่ซื่อสัตย์และจริงใจ เพราะจะทำให้เกิดการยอมรับการประเมินผลการทำงานจากผู้จัดการ ว่าไม่มีความลำเอียง
- กำหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินชัดเจน
ในการประชุมจำเป็นต้องมีการกำหนดเป้าหมาย อธิบายเป้าหมายที่ชัดเจนในการประเมิน ความคาดหวังและผลลัพธ์ที่ได้จะนำไปใช้เพื่อทำอะไร เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจกันเป็นอย่างดี
- จัดทำเป็นเอกสารการประเมินพนักงาน
เพื่อเป็นการขจัดความสับสนหรือความไม่เข้าใจกัน ในการประเมินหรือการประชุมจำเป็นต้องมีการจัดทำเอกสารหรือเป็นบันทึกการประชุมเพื่อให้สามารถติดตามงานในช่วงเวลาต่อไปได้
- ฝึกหัดหรือทำความเข้าใจก่อนการประเมินพนักงาน
การประเมินไม่ได้ทำกันบ่อย เช่นปีละครั้งหรือสองครั้ง การฝึกหัดซักซ้อมเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้จัดการต้องทำความเข้าใจก่อนการประเมินพนักงานทุกครั้ง เพราะในปีหนึ่ง ๆ เมื่อประเมินการทำงานพนักงานไปแล้วจะแก้ไขไม่ได้ ต้องรอในปีถัดไป ซึ่งอาจทำให้พนักงานไม่พอใจถ้าได้ผลการประเมินที่ไม่ดี
การประเมินจะไม่เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอีกต่อไป ถ้านำระบบการประเมินที่ชัดเจนมาใช้ บางแห่งในต่างประเทศจะใช้คนกลางเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการประเมินทำให้ลดแรงกดดันระหว่างพนักงานและผู้จัดการ ซึ่งในทางปฏิบัติการประเมินพนักงานที่ดีที่สุดคือการประเมินพนักงานด้วยตัวผู้จัดการเองจะดีที่สุด เพราะผลที่ได้ตามมาก็คือการได้ช่วยเหลือกันในการทำงาน เพราะมีวทีในการสื่อสารกันมากขึ้น
แต่ผลของการประเมินจะเป็นเช่นไร ขอฝากไว้ว่าก็ขอให้ค่อยที ค่อยอาศัย ขอให้ใจเย็น เอางานที่เป็นเป้าหมายของความสำเร็จเป็นที่ตั้ง มิฉะนั้นจะเดือดร้อนกันไปทั่วเพราะความไม่พอใจของผู้จัดการและพนักงาน ขอให้คิดว่าการทำงานก็เหมือนญาติมิตร หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ ไม่พอใจกันก็จะส่งผลแต่เสียหายนะ..จะบอกให้
พนักงานขายต้องเลิก 4 นิสัยนี้ คุณขายได้แน่นอน
พนักงานขายต้องเลิก 4 นิสัยนี้ คุณขายได้แน่นอน เป็น การเข้าใจนิสัยของพนักงานขายที่เป็นจุดอ่อน ทำให้ตนเองไม่สามารถขายได้ทะลุเป้า และถ้าพนักงานขายสามารถแก้ไข 4 นิสัยนี้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้นพนักงานขายต้องเลิก 4 นิสัยนี้ คุณขายได้แน่นอน1.ทำงานไปวัน ๆ:...
14 เทคนิคช่วยให้พนักงานมีผลงานเพิ่มขึ้น
เทคนิคช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น เป็น 14 เทคนิคที่ผู้จัดการนำมาใช้ ในการพัฒนาพนักงาน ในทีมงาน เพื่อให้พนักงานทุกคนมีผลงานการทำงานที่ดีขึ้น ทำให้พนักงานมีก้าวหน้า และสร้างผลงานเพื่อทำให้องค์กรเติบโต14 เทคนิคช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น14 เทคนิคช่วยให้พนักงาน...
สูตรลับการปั้นยอดขาย
รู้สึกใช่ไหมว่า..ต่อจากนี้ไปการทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ที่เคยขายได้กำไรมาก ก็ไม่กำไรหรืออาจเข้าเข้าเนื้อ ขาดทุนด้วยซ้ำ ใครทำธุรกิจ รู้สึกใช่ไหมว่า..ต่อจากนี้ไปการทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ที่เคยขายได้กำไรมาก ก็ไม่กำไรหรืออาจเข้าเข้าเนื้อ...
เทคนิคปิดการขาย ปิดการขายเป็นเรื่องง่ายเข้าใจ 5 สิ่งนี้
หลายคนอยากปิดการขายให้ได้เร็ว ๆ ลอง 5 สิ่งนี้จะทำให้รู้ว่าการปิดการขายไม่ได้ยากอย่างที่คิด เข้าใจ 5 สิ่งนี้ แล้วจะทำให้การปิดการขายของคุณเป็นเรื่องง่าย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ ทุกคนต่างอยากขายได้ ทำเป้าการขายได้ วิธีการที่ดีที่สุด...
วิทยากรมืออาชีพ เปิดเผยความลับ สำหรับคนที่ต้องการเป็นวิทยากรคุณภาพ
วิทยากรคุณภาพเขาจะพิจารณาจากที่ไหนวิทยากรมืออาชีพระดับโลกเขาทำอย่างไรคุณภาพการสอนไม่ใช่เพียงแค่ยืนขึ้นแล้วสอนได้วิทยากรคุณภาพ วิทยากรมืออาชีพ เปิดเผยความลับ สำหรับคนที่ต้องการเป็นวิทยากรคุณภาพเคยสงสัยหรือไม่ว่า...
วิทยากรมืออาชีพ วิทยากรรุ่งเรืองอีกครั้ง หลังวิกฤต COVID19
เมื่อมีวิกฤต ก็ขอให้ตั้งสติ และเตรียมตัวเองที่จะทำภายหลังสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเมือนเดิมเทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ คำแนะนำสำหรับวิทยากร ที่ต้องการกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง หลังวิกฤต...
Train The Trainer คุณค่าของวิทยากร อยู่ที่ 4 สิ่งนี้
คุณค่าของการเป็นวิทยากรคุณภาพนั้นวัดได้จาก 4 ประเด็นหลัก ๆ...
Positive Thinking ความลับ 5 ข้อ ที่ใช้สำรวจว่าคุณเป็นคนคิดลบหรือไม่
หลักง่าย ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในเมื่อต้องอยู่ในสังคมหมู่มากที่ยังคิดลบอยู่และที่สำคัญก็ไม่รู้หลักที่จะเปลี่ยนตนเองอย่างไรให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี เปิดเผยความลับ 5 ข้อ ที่ใช้สำรวจว่าคุณเป็นคนคิดลบหรือไม่...
เทคนิคการคิดเชิงบวก ออกแบบความสุขด้วยวิธีง่ายๆ
การออกแบบความสุขเป็นความจำเป็นขั้นต้นของการสร้างนิสัยการคิดบวกเมื่อเราออกแบบความต้องการที่เราอยากมีความสุขได้ความสุขก็จะค่อยเริ่ม ๆ เกิดขึ้นและเมื่อทำบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย ออกแบบความสุขด้วยวิธีนี้...
Positive Thinking ขจัดทัศนคติลบ ได้ทันที แค่ทำ 8 ข้อนี้
การคิดลบมีแต่ทำให้ชีวิตเศร้างหมอง ใครที่สามารถปรับตนเองให้คิดบวกได้เร็วมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ตนเองนั้น มีแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามา ชีวิตก็จะประสบความสำเร็จ ขจัดทัศนคติลบ ได้ทันที แค่ทำ 8 ข้อนี้...
Positive Thinking พลิกชีวิตที่ล้มเหลวได้ง่าย ๆ เพียงแค่ทำ2 สิ่งนี้
คนที่ประสบความสำเร็จ ก็คือคนที่มองโลกในแง่ดีหรือคิดบวกวิธีการที่จะเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ มี 2 เรื่อง1.คิดถึงสิ่งที่ตนเองอยากได้อยู่ตลอดเวลา2. คนที่มองโลกในแง่ดีจะมองหาสิ่งดี ๆ พลิกชีวิตที่ล้มเหลวได้ง่าย ๆ เพียงแค่ทำ2...
การคิดเชิงบวก คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ
บางครั้งรู้สึกหรือไม่ว่า ตนเองไม่มีผลงานทำงานไม่ได้ และทำไปก็ทำได้ไม่ดีมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยคิดบวกความคิดบวก จึงเป็นจุดเริ่มของทุกสิ่งที่ต้องการความสำเร็จ ข้อผิดพลาดแบบนี้ ที่ทำให้ คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานนั้น...
การคิดเชิงบวก ปรับความคิดลบง่ายๆ 3 ข้อ
ปรับความคิดลบ ให้เป็นการคิดเชิงบวก 3 แนวทางหลักง่ายๆ1.มองหาสิ่งดีดีของตนเอง2.พูดชื่นชมตนเองในเรื่องดีดี3.สร้างอารมณ์ตลกในจิตใจ คุณจะยิ้มได้กับปัญหาชีวิต เพียงแค่คุณทำสิ่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นปัญหา ย่อมไม่มีใครอยากให้มี โดยเฉพาะปัญหาชีวิต...
3 เคล็ดลับ ที่นักเจรจาต่อรองมืออาชีพ ไม่ยอมบอกคุณมาก่อน
ความได้เปรียบ เสียเปรียบขึ้นกับจำนวนคนในการเจรจาต่อรอง ถ้าคุณอยากเป็นนักเจรจาต่อรองที่เก่ง เช่นเดียวกับนักเจรจาต่อรองมืออาชีพ ก็ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำความเข้าใจกับความลับทั้ง 3 ข้อนี้ ✌️✌️3 เคล็ดลับ ที่นักเจรจาต่อรองมืออาชีพ...
เทคนิคการนำเสนอ เตรียมความคิดก่อนการนำเสนอ
การเตรียมความคิดก่อนการการนำเสนอ 1. น่าสนใจ 2. เก็บรายละเอียด 3. การเตรียมตัว 4. ฝึกหัด อย่าขึ้นนำเสนองานเด็ดขาด ถ้าไม่รู้ 4 ข้อนี้#เทคนิคการนำเสนอ เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ เพราะใครที่สามารถ ยืนขึ้นและ...
วิทยากรมืออาชีพ อยากก้าวหน้า..อย่าทำ
การกระทำของวิทยากรที่ทำให้ตนเองถดถอยไม่ก้าวหน้าขอให้รีบแก้ไขโดยด่วนก่อนที่จะสายเกินแก้ คือ..1. นำความรู้ที่รู้ไม่จริงไปสอน2. นำความรู้ที่ล้าหลังไปสอน วิทยากรอย่าคิดก้าวหน้า ถ้ายังทำ 2 สิ่งนี้ทุกวิชาชีพต่างต้องการความก้าวหน้า...
Train The Trainer ความภูมิใจของผู้สอน
คงไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้สำหรับความคิดของคนที่ทำอาชีพ วิทยากรเป้าหมายหลักคือความสำเร็จของผู้เรียน ...
อาชีพวิทยากร กับดักทางความคิด
ผู้สอนยังมีคุณลักษณะที่เหมือนเดิม มีอีโก้ที่มาก ไม่ปรับเปลี่ยนแนวคิดยังมองว่าผู้เรียนด้อยกว่า ไม่มีความรู้สิ่งเหล่านี้คือหลุมพรางที่ทำให้วิทยากรติดกับดักไม่ประสบความสำเร็จ อาชีพวิทยากรเป็นอาชีพที่ไม่หยุดนิ่ง...
เทคนิคการเป็นวิทยากร การลดช่องว่างกับผู้เรียน
เมื่อไรก็ตาม ที่มุมมองของผู้สอน มีความแตกต่างจากผู้เรียนการเรียนรู้ในวันนั้นจะไม่สนุก ไม่ได้อะไรจึงเป็นหน้าที่ของวิทยากรที่จะต้องสร้างมิตรสัมพันธ์ที่ดีเพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้เรียน เมื่อไรก็ตาม ที่ผู้สอนลดช่องว่างกับผู้เรียนได้...
อบรมวิทยากร ปัญหาของวิทยากรหรือผู้เรียน
บ่อยครั้งที่ได้รับคำตอบจากผู้สอน ว่าผู้เรียนไม่ตั้งใจเรียนผู้เรียนเป็นหัวดื้อ รั้นก็ขอให้กลับมาทบทวนใหม่ว่าแท้ที่จริงปัญหานั้นมาจากผู้เรียนหรือผู้สอนกันแน่ เมื่อไรก็ตามที่ ผู้สอน มักคิดว่า ผู้เรียนเป็นปัญหา...
ดิฉันทำงานเป็นผู้บริหาร และทุกปีต้องประเมินพนักงาน ขอบคุณอาจารย์ สำหรับข้อมูลดี ๆ เพื่อนำไปเป็นแนวทางการประเมินทีมงานคะ