20 ข้อเรียกร้องจากลูกน้องถึงหัวหน้า เป็น เสียงสะท้อน จากลูกน้อง ที่มีความคาดหวังกับผู้จัดการ หรือ หัวหน้าของเขา และถ้าหัวหน้างานสามารถตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของลูกน้องได้ จะทำให้ลูกน้อง ศรัทธาในตัวหัวหน้างานมากขึ้น
20 ข้อเรียกร้องจากลูกน้องถึงหัวหน้า
1.ผู้จัดการที่ขยันดูงาน
2.ผู้จัดการที่มีความถนัดในเนื้องาน
3.ผู้จัดการที่มีวิสัยทัศน์
4.ผู้จัดการที่รู้จริงถึงปัญหา
5.ผู้จัดการที่ชื่นชมอย่างจริงใจ
6.ผู้จัดการที่มีเหตุมีผล
7.ผู้จัดการที่เข้าใจการใช้ข้อมูล
8.ผู้จัดการที่มาเช้า และเลิกงานที่หลัง
9.ผู้จัดการ 24 ชม.
10.ผู้จัดการที่มีอารมณ์ดี
11.ผู้จัดการที่มีคำสั่งชัดเจน
12.ผู้จัดการที่เข้าใจหลักการสอน
13.ผู้จัดการที่ไม่อยู่แต่ในห้องทำงาน
14.ผู้จัดการที่ไม่ชอบวัวหายแล้วล้อมคอก
15.ผู้จัดการที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค
16.ผู้จัดการที่สร้างบรรยากาศในการทำงาน
17.ผู้จัดการที่มองถึงอนาคตของบริษัท
18.ผู้จัดการที่บุคลิกลักษณะเฉพาะตัว
19.ผู้จัดการที่มีความยอมรับผู้อื่น
20.ผู้จัดการที่พบประลูกค้าเป็นประจำ
20 ข้อเรียกร้องจากลูกน้องถึงหัวหน้า
วิทยากรสอน หลักสูตร ผู้จัดการ ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย
ในสังคมการทำงาน ผู้จัดการบางคมมักคิดว่าตนเองนั้นมีอำนาจสูงสุด จะทำอะไรก็ได้ ทำให้บางครั้งงานออกมาไม่ดี หรือไม่มีผลงาน
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะผลงานของผู้จัดการมาจากการร่วมแรงร่วมใจของพนักงานที่จะทุ่มเทช่วยหลือสนับสนุนให้ผู้จัดการบรรลุตามเป้าหมายหรือไม่
ดังนั้นการสังเกตผลงานของผู้จัดการให้มองดูที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการกับพนักงานว่ามีมากน้อยเพียงใด ถ้าความสัมพันธ์ดีต่อกันผลงานก็จะมีมาก และมีคุณภาพที่ดีพอ
แต่เมื่อใดก็ตามที่ความสัมพันธ์ลดลง ผลงานของทีมงานรวมถึงผลงานของผู้จัดการก็ลดลงเช่นกัน
มีผู้เรียน หลักสูตรอบรม ผู้จัดการอัจฉริยะ The Super Manager ได้แชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่า..
“มีโอกาสได้พูดคุยกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นอย่างมาก
ซึ่งดูได้จากกระบวนการในการพัฒนาคน ทำให้เป็นบุคลากรคุณภาพขององค์กร สร้างความสำเร็จให้กับองค์กรมากมาย ซึ่งนักธุรกิจญี่ปุ่นท่านนี้ได้บอกว่าได้เล่าให้ฟังว่า
ในประเทศญี่ปุ่น ผู้จัดการเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยเฉพาะการบริหารพนักงานให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายร่วมกันคือประสบความสำเร็จ
ผู้จัดการจึงเป็นบุคคลที่จะนำพาให้องค์กรดำเนินไปในทิศทางที่จะทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้าหรือถ้าผู้จัดการคนนั้นไม่มีความสามารถก็จะทำให้ องค์กรหรือทีมงานอยู่ในสภาวะที่ตกต่ำ
ดังนั้นพนักงานส่วนใหญ่อยากจะทำงานกับผู้จัดการที่มีคุณภาพ หรือมีศักยภาพจะนำพาให้พนักงานประสบความสำเร็จด้วยกัน”
ในทางปฏิบัติยังมีผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดในเรื่องการบริหารทีมงาน คิดว่าตนเองเป็นผู้จัดการจะทำอะไรก็ได้
เพราะมีอำนาจในฐานะที่เป็นผู้จัดการอยู่ในมือ มีพนักงานที่คอยช่วยเหลือ ให้การสนับสนุน ทำให้ผู้จัดการหลายคนเพิกเฉยต่อหน้าที่ของตนเอง ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ(Do) แต่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ(Do’t) เช่น ผู้จัดการทำงานไม่เป็น ไม่กระตือรือร้น ทัศนคติไม่ทำงานเป็นลบ ไม่ทำงานเชิงรุก ลำเอียง ไม่เข้าใจในเนื้องานที่แท้จริง
บุคลิกของผู้จัดการที่เป็นเช่นนี้ส่งผลถึงผลงานของผู้จัดการในทางลบ เพราะไม่มีพนักงานอยากสนับสนุนผู้จัดการที่เป็นเช่นนี้ พนักงานขาดกำลังใจและบางคนถึงกับลาออกไปเลยก็มี ถ้าต้องทำงานร่วมกับผู้จัดการเช่นนี้
ยิ่งแย่ไปกว่านั้นผู้จัดการบางคน เมื่อผลงานออกมาไม่ดี มักจะโทษพนักงานว่าทำงานไม่ดี ยิ่งทำให้เพิ่มความไม่พอใจให้กับพนักงาน
เพราะพนักงานไม่มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้บริหารระดับสูง และถ้ายังคงปล่อยให้เป็นเช่นนี้จะเกิดความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นข้อขัดแย้งมากมายระหว่างผู้จัดการและพนักงาน
ทางออกที่ดีที่สุดคือผู้จัดการต้องเปิดใจเรียนรู้แนวทางที่ตนเองต้องใช้ในการบริหารจัดการพนักงาน โดยฟังเสียงสะท้อนจากพนักงานที่เป็นลูกน้องว่าต้องการอะไรในการบริหารจัดการของผู้จัดการ
ในประเทศญี่ปุ่นมีการสำรวจพนักงานในองค์กรถึงความคาดหวังที่พนักงานที่มีต่อผู้จัดการของเขาในการทำงาน ซึ่งผลจากการสำรวจความต้องการของพนักงานจะเป็นเครื่องมือสะท้อนภาพการทำงานของผู้จัดการ และอธิบายได้ถึงคุณลักษณะของผู้จัดการที่พนักงานต้องการ
ซึ่งผู้จัดการที่ผู้จัดการต้องการไม่ใช่ผู้จัดการในฝัน ถ้าในฝันคือไม่มีผู้จัดการดี ๆ เช่นนี้อยู่จริงแต่ พนักงานเชื่อว่าผู้จัดการของพวกเขาทำได้ตามที่พนักงานอยากเห็น
จึงขอให้ผู้จัดการเข้าใจว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่พนักงานมีความรู้สึกที่ดีต่อการบริหารของผู้จัดการ พนักงานก็จะมีกำลังใจในการทำงาน ทุ่มเทตนเองในการทำงาน ทำให้งานมีประสิทธิภาพ และส่งผลถึงประสิทธิผลทันที
“หลักสูตรอบรมผู้จัดการอัจฉริยะ”



ในการอบรมหลักสูตรผู้จัดการอัจฉริยะ หรือ The Super Manager ได้มีการรวมตัวกันของผู้จัดการจำนวนมากได้ปรึกษากัน โดยนำมาประกอบกับข้อมูลจากนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ได้สำรวจพนักงานญี่ปุ่นในเรื่องการบริหารงานของผู้จัดการ และข้อเรียกร้องของพนักงานที่มีต่อห้วหน้าหรือผู้จัดการ ทำให้ทราบ 20 ข้อเรียกร้องที่พนักงาน
อยากให้ผู้จัดการเป็น และเป็นต้นแบบที่ดี นำความสำเร็จให้องค์กร ใครมีครบถือว่าองค์กรนั้นโชคดีมีผู้จัดการอัจริยะ แต่ถ้าใครมีบางข้อรีบแก้ไข เปิดใจเรียนรู้และปรับปรุงอย่างเร่งด่วน ดังต่อไปนี้
1.ผู้จัดการที่ขยันดูงาน
เป็นความคาดหวังที่พนักงานต้องการจากผู้จัดการของเขาสนใจในงานที่พนักงานทำ ไม่ว่างานนั้นจะออกมามีคุณภาพอย่างไร
เพราะพนักงานต้องการคำแนะนำหรือคำชมจากผู้จัดการของพวกเขา ผู้จัดการอัจฉริยะจะคอยเอาใจใส่ในการทำงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นในองค์กร ลงพื้นที่การทำงาน สำรวจงานเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่พนักงานทำผิดพลาดหรือทำได้ดีก็ตาม
การขยันลงตรวจเช็คข้อมูลอยู่ตลอดเวลา หรือเข้าไปดูเป็นพิเศษในกรณีที่งานนั้นมีปัญหา ทำให้พนักงานมีกำลังใจและผู้จัดการจะมีข้อมูลในการตัดสินใจตลอดเวลา
2.ผู้จัดการที่มีความถนัดในเนื้องาน
เมื่อไรก็ตามที่พนักงานมีปัญหาในการทำงาน พวกเขาต้องการคำแนะนำจากพนักงานที่ถูกต้องเพื่อให้ทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นถ้าผู้จัดการอัจฉริยะจะมีความรู้ถนัดในเนื้องานที่รับผิดชอบจะให้คำแนะนำได้ดี จึงเป็นหน้าที่ที่ผู้จัดการต้องเร่งที่จะพัฒนาความรู้ของตนเองให้รู้ลึก รู้จริง ทำได้ เรียกได้ว่ามีความถนัดในเนื้องานนั้น ๆ อย่างจริงจัง
3.ผู้จัดการที่มีวิสัยทัศน์
ในการทำงานนั้นทุกคนต้องการความก้าวหน้า และอยากเห็นองค์กรก้าวหน้าเช่นกัน ความคาดหวังที่พนักงานมีต่อผู้จัดการของเขาคือการที่เป็นผู้จัดการที่มองกาลไกล เข้าใจในสถานะการณ์ที่เป็นจริงขององค์กร ว่าจะมีทิศทางอย่าง ไร ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือไม่ดี
สามารถกำหนดทิศทางในอนาคตขององค์กรได้อย่างถูกต้อง มี การวางแผนกลยุทธ์ ทางธุรกิจ ซึ่งการเข้าใจวิสัยทัศน์ของผู้จัดการจะชาวยให้พนักงานมีแนวทางในการทำงานได้อย่างชัดเจน ผลดีที่ตามมาคือขจัดปัญหาความสับสนเรื่องการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
4.ผู้จัดการที่รู้จริงถึงปัญหา
มีผู้จัดการหลายคนที่นั่งรอลูกน้องมารายงานความคืบหน้าให้ตนเองทราบถึงปัญหา ทำให้การตัดสินใจล่าช้า ซึ่งบางเหตุการณ์ทำให้ไม่ทันกต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ผู้จัดการที่ดีจึงจะมีความไวต่อการรับรู้ในเรื่องของปัญหาแบบทันเวลา ทันที ทำให้ต้นทุนในการแก้ปัญหาลดลง ผู้จัดการอัจฉริยะจถูกสอนให้เข้าใจถึงรายละเอียดของงานเพื่อมั่นใจว่าจะรู้จริงถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในการงานนั้น ๆ การตัดสินใจก็จะมีโอกาสพลาดน้อยมาก
5.ผู้จัดการที่ชื่นชมอย่างจริงใจ
ในบทเรียนของหลักสูตรอบรมผู้จัดการอัจริยะจะมีช่วงหนึ่งที่บอกว่า พนักงานทุกคนต้องการคำชมจากผู้จัดการของเขา ซึ่งผู้จัดการบางคนอาจจะให้คำชมที่แฝงด้วยความไม่จริงใจ ทำให้พนักงานจับได้ว่าคำชื่นชมหล่านั้นไม่ได้มาจากความรู้สึกจริง ๆ ของผู้จัดการ
ทำให้เสียความรู้สึกต่อผู้จัดการนั้นทันที ดังนั้นการเป็นผู้จัดการอัจฉริยะจำเป็นต้องให้ความจริงใจกับพนักงานทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าจะชื่นชมพนักงานในการทำงานก็ต้องออกมาจากใจ
เพราะคำพูดที่มาจากใจจะบ่งบอกได้ถึงการแสดงออกของผู้จัดการอัจฉริยะนั้น ๆ ใช่เพียงแค่สื่อสารให้คนอื่นรับรู้เท่านั้น และหลีกเลี่ยงการตำหนิ ติเติยน พนักงานซึ่งหน้า เพราะจะทำให้พนักงานรู้สึกเสียขวัญและเสียหน้าต่อเพื่อนร่วมงาน ส่งผลเสียมากมาย
หนังสือแนะนำ


6.ผู้จัดการที่มีเหตุมีผล
พนักหลายคนรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการบริหารจัดการที่ไม่มีเหตุผลของผู้จัดการของพวกเขา เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ยิ่งไปกว่านั้นผู้จัดการบางคนมีนิสัยที่เอาแต่ใจตนเอง นำความคิดของตนเองมาเป็นที่ตั้ง ไม่รับฟังความคิดเห็นจากพนักงาน หรือแม้แต่คนรอบข้าง
ผู้จัดการอัจริยะจะถูกฝึกให้มีแนวทางนำเหตุผลมาเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจ เป็นแนวทางการบริหารที่มีเหตุมีผล มีเกณฑ์ในการตัดสินใจตามหลักวิธี ไม่ใช้อารมณ์มาเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่การตัดสินใจเพียงแค่รับฟังจากคนรอบข้าง คนใกล้ชิด
ทำให้ข้อมูลที่ได้รับมีความเบี่ยงเบน และตัดสินใจเกิดความผิดพลาดในที่สุด ดังนั้นการมีเหตุผล จะสร้าง การ มีท้ศนคติที่เป็นบวก ในการทำงาน
7.ผู้จัดการที่เข้าใจการใช้ข้อมูล
การตัดสินใจเป็นหัวใจการบริหารจัดการ ซึ่งผู้จัดการบางคนไม่มีหลักในการตัดสินใจ ทำให้เกิดปัญหาตามมาจากการตัดสินใจที่ไม่ถูกวิธี ในวันหนึ่ง ๆ
ผู้จัดการจะมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจมากมายและลองจินตนาการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าผู้จัดการไม่มีการนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจ ผลเสียมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าของการทำงาน การตัดสินใจที่ผิดพลาด ไม่เกิดประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล
ผู้จัดการอัจฉริยะจึงมีแนวทางในการนำข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจ การเรียนรู้ข้อมูล การค้นหาข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ ผู้จัดการอัจริยะทุกคนจึงต้องเรียนรู้การใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ก่อนการตัดสินใจลงมือกระทำสิ่งใดลงไป
8.ผู้จัดการที่มาเช้า และเลิกงานที่หลัง
เป็นเรื่องจริงของผู้จัดการในประเทศญี่ปุ่นมักจะมาทำงานก่อนพนักงานและเลิกงานดึกกว่า จนหลายคนมักบอกว่าผู้จัดการมีหน้าที่เปิด-ปิดสำนักงาน
ผู้จัดการที่ดีจะเป็นต้นแบบให้แก่พนักงานทั่วไปรับรู้ถึงการมาทำงาน เป็นการฝึกวินัยให้พนักงานในการมาทำงานตรงเวลาและข้อดีของการมาทำงานเช้าคือการมีเวลาพอในการทบทวนงานที่ต้องทำในวันนั้น ๆ หรือทบทวนถึงความผิดพลาดของงานที่ผ่านมา
ทำให้มีการเตรียมการทำงานในวันนี้ ให้ลุล่วงด้วยดี ข้อดีของการมาเช้าอีกอย่างคือการได้เห็นบรรยากาศโดยรวมของที่ทำงาน ทำให้มีข้อมูลและเข้าใจถึงพฤติกรรมของพนักงานของตนเองต่อความมุ่งมั่นในการทำงานมากน้อยแค่ไหน บางคนมาเช้า บางคนมาสายเป็นต้น
9.ผู้จัดการ 24 ชม.
โต๊ะทำงานในบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่นจะเปิดถึงกันหมด ไม่มีการกั้นเป็นห้อง โดยเฉพาะไม่มีห้องของผู้จัดการ การเข้าหาผู้จัดการของพนักงานก็จะทำได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเกรงใจมาก
ถ้าเทียบกับการกั้นเป็นห้องผู้จัดการ เพราะพนักงานบางคนรู้สึกเกรงใจไม่กล้ารบกวนถ้าผู้จัดการอยู่ในห้อง การเป็นผู้จัดการอัจริยะจึงต้องเป็นผู้จัดการที่เข้าถึงง่าย หรือสามารถติดต่องานได้ตลอดเวลา เวลาที่พนักงานมีปัญหาหรือต้องตัดสินใจในเรื่องใด ๆ ก็ตาม สิ่งเดียวที่พนักงานจะมองหาคือมองว่าผู้จัดการของพวกเขามีเวลาพอในการให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาหรือไม่
พนักงานจึงคาดหวังที่จะเข้าหาผู้จัดการเพื่อปรึกษางานหรือเมื่อมีปัญหาได้ตลอดเวลา ในห้องอบรมหลักสูตรผู้จัดการอัจฉริยะจะมีเคสหนึ่งที่มีการปรึกษากันระหว่างผู้จัดการที่เข้าเรียนคือการที่ผู้จัดการไม่อยู่ให้พนักงานได้ปรึกษา ไม่อยู่ที่โต๊ะบ้าง ไม่อยู่ที่ห้องบ้าง
เมื่อพนักงานต้องการคำแนะนำ และเมื่อไม่มีผู้จัดการแนะนำได้ ทำให้พนักงานทิ้งเรื่องสำคัญนั้นไปทันที หรือพนักงานบางคนกล้าหน่อยก็เข้าหาผู้บริหารระดับสูงแทน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องในการบริหารงาน
10.ผู้จัดการที่มีอารมณ์ดี
ปัญหาในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานคือการทำงานอยู่ภายใต้ความกดดัน หรือสภาวะที่ตึงเครียด นอกจากบรรยากาศที่ตึงเครียดจากการทำงาน ยังตึงเครียดจากผู้จัดการขี้หงุดหงิด ทำให้การทำงานไม่สนุก
ความคาดหวังที่พนักงานมีต่อผู้จัดการคือ สร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ในการทำงาน การที่มีผู้จัดการที่มีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ เบิกบาน มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ตลกเป็นบางเวลา
ทำให้มีความอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ชิด ผู้จัดการอัจฉริยะจึงถูกบ่มเพาะให้เป็นผู้จัดการที่มีนิสัยร่าเริง อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิด ทำให้พนักงานสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
ในมุมมองของพนักงานที่มีต่อผู้จัดการอัจริยะ คือเมื่อผู้จัดการมีอารมณ์ดี โลกทั้งใบก็จะดูสดใสขึ้นทันที พนักงานทุกคนก็จะมีกำลังในการทำงานให้ดีขึ้น
11.ผู้จัดการที่มีคำสั่งชัดเจน
ปัญหาหลัก ๆ ในการทำงาน ทำให้งานไม่รื่นไหล คือการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน ทั้งคนสื่อสารและคนฟัง และถ้าคนฟังคือพนักงานที่เกรงใจผู้จัดการไม่กล้าสอบถามถึงความชัดเจน ว่าคำสั่งที่ผู้จัดการกำลังสั่งต้องการอะไรกันแน่ ก็จะส่งผลถึงปัญหาตามมามากมาย
ความคาดหวังของพนักงานที่มีต่อผู้จัดการของเขาคือการสั่งงานที่ชัดเจน ไม่กำกวม หรือคำสั่งที่ไม่ต้องคิดมาก
ซึ่งการผู้จัดการอัจฉริยะไม่เพียงแต่สั่งการที่ชัดเจนแล้ว ยังต้องมีการทบทวนคำสั่งเพื่อมั่นใจว่าพนักงานมีความเข้าใจที่ดีพอในการทำงานจนสามารถตอบสนองได้อย่างถูกต้อง การสื่อสารภายในองค์กร หรือ การสื่อสารแบบ 360 องศา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกร้องอยากได้
12.ผู้จัดการที่เข้าใจหลักการสอน
การสอนงานเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาพนักงานในทีมงาน Smart Leadership บางคนคาดหวังให้บุคคลภายนอกเป็นผู้สอน เป็นวิทยากร เป็นอาจารย์
แต่ความจริงนั้น พนักงานคาดหวังที่จะได้รับความรู้จากหัวหน้าของตนเอง เพราะหัวหน้าคือผู้จัดการจะเข้าใจในเนื้องานมากที่สุด การสอนงานก็จะตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการและนำไปใช้ในการทำงานได้จริง
ซึ่งผู้จัดการอัจริยะจะมีเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการสอนงาน ทำให้บรรยากาศการเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ สนุก พนักงานจะรู้สึกตื่นตัวในการฟัง และทำความเข้าใจในเนื้องานที่ผู้จัดการอัจฉริยะได้สอนพวกเขานั่นเอง
13.ผู้จัดการที่ไม่อยู่แต่ในห้องทำงาน
มีผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิด นั่งทำงานแต่ในห้อง ถ้าพนักงานคนไหนมีปัญหา ก็จะเดินเข้ามาเคาะประตูเพื่อขอคำแนะนำ เรียกได้ว่าเป็นผู้จัดการหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน และรอคอยให้ลูกน้องเข้ามาเพื่อรายงาน
ผลที่ตามมาคือทำให้งานล่าช้า ไม่บรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ เพราะผู้จัดการไม่สามารถอัพเดทข้อมูลแบบทันเวลา ในประเทศญี่ปุ่นมีแนวทางในการทำงานของผู้จัดการแจริยะ สำหรับผู้จัดการอัจฉริยะ
คือนั่งทำงานร่วมกับพนักงาน แบบหันหน้าชนกัน เพื่อผู้จัดการจะได้มองเห็นอย่างทั่วถึง และถ้ามีปัญหาเร่งด้วยก็สามารถตะโกนคุยกันได้ทันที..
14.ผู้จัดการที่ไม่ชอบวัวหายแล้วล้อมคอก
จะเห็นว่าในการประชุมในแต่ละวันส่วนใหญ่เป็นการประชุมเพื่อหาทางแก้ปัญหา ทำให้ทุกคนแทบจะไม่ได้ทำงานที่ตนเองวางแผนงานไว้
และก็มีผู้จัดการบางคนเมื่อประชุมแล้วก็ไม่พร้อมจะแก้ปัญหาอีก ทำให้ปัญหาหมักหมมเป็นเวลานาน ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หลักสูตรผู้จัดการอัจฉริยะจะเน้นให้ผู้จัดการคาดการณ์ปัญหาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการตัดสินใจครั้งหนึ่งแล้วจะหาทางแก้ปัญหาได้อย่างไร
เพื่อไม่ต้องเสียเวลามาคอยแก้ปัญหาที่ตามมาเป็นระยะ ๆ จนทำให้ปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะกว่าจะรู้ก็สายเกินแก้ไขได้ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายไปอย่างเปล่าประโยชน์
15.ผู้จัดการที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค
หัวใจของการทำธุรกิจ คือการมุ่งเน้นหารายได้เข้าองค์กร เพราะรายได้คือน้ำหล่อเลี้ยงที่ดีที่สุดที่ทำให้ทุกคนมีขวัญกำลังใจในการทำงาน
เพราะเมื่อองค์กรมีรายได้ ก็จะทำให้มีงบประมาณมาใช้ในการทำงานต่าง ๆ รวมถึงการให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับพนักงานเช่นกัน ผู้จัดการอัจฉระจะเรียนรู้แนวทางทำให้เข้าใจการทำธุรกิจ ด้วยการเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการหรือไม่พอใจหรือไม่ต้องการ
และเมื่อผู้จัดการตัดสินใจก็จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจและยินดีที่จะซื้อสินค้าจากบริษัท ผู้บริหาร 360 องศา จะเฝ้าระวังถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคเพราะถ้าผู้จัดการรับรู้ได้ถึงเรื่องผิดปกติจากพฤติกรรมผู้บริโถค ก็ต้องสื่อสารให้ทุกคนในองค์กรรู้สึกถึงความผิดปกติเช่นกัน
เพื่อร่วมใจกันหาทางแก้ไขเพื่อสร้างความพอใจให้ลูกค้า ทำให้เป็นลูกค้าระยะยางต่อองค์กร
16.ผู้จัดการที่สร้างบรรยากาศในการทำงาน
บรรยากาศในการทำงานเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะการมีบรรยากาศที่ดีจะทำให้ทุกคนอยากทำงาน ทำให้พนักงานมีความกระตือรือร้นที่จะทำงาน ช่วยเหลือกัน ผู้จัดการอัจฉริยะจะมีการตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศอบอุ้นน่าทำงานด้วย
ในคลิปการสร้างแรงจูงใจที่ไม่ใช่ตัวเงิน หนึ่งในแรงจูงใจคือการมีบรรยากาศที่ดีในการทำงานผู้จัดการต้องไม่พยายามสร้างบรรยากาศที่ไม่สนับการทำงานร่วมกัน เช่นมีข้อขัดแย้งในระหว่างการทำงาน
ซึ่งเป็นเรื่องจริงของผู้จัดการรุ่นเก่าที่มักเข้าใจผิดกลัวลูกน้องรวมตัวกันมาเจรจาต่อรองเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ ทำให้ผู้จัดการไม่สามารถเจรจาต่อรองได้เพราะลูกน้องรวมหัวกัน ผลที่ตามมาคืองานไม่เดินหน้า ต่างฝ่ายต่างทะเลาะกัน ไม่พอใจกัน ทำให้ไม่มีผลผลิตที่ดีในการทำงานแนวทางเช้นนี้ทำให้องค์กรไม่เติบโต
ผู้จัดการอัจริยะจะเน้นการสร้างบรรยากาศให้ทุกคนรักกัน ช่วยเหลือกัน ทำงานเป็นทีม ทำให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง วิธีการสำคัญคือ การพัฒนาการคิดเชิงบวก ให้พนักงาน เพราะ การคิดบวก จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
17.ผู้จัดการที่มองถึงอนาคตของบริษัท
ผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่มักมองถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ขององค์กร ทำให้พนักงานทุกคนเดือดร้อน เพราะทำงานไม่ได้เป้าหมายตามที่ต้องการ
โดยมักให้ข้ออ้างว่าเกิดจากการที่พนักงานไม่ขยันตั้งใจ ทั้ง ๆ ที่พนักงานทุ่มเทให้กับการทำงาน อาการเช่นนี้เป็นอาการของผู้จัดการที่ไม่มองถึงอนาคตของบริษัทว่าจะเป็นเช่นไร จะเติบโตไปในทิศทางไหน เพราะวัน ๆ ทำแต่เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องที่ตนเองสนใจเท่านั้น ซึ่งผู้จัดการอัจฉริยะ จะเน้นการให้ความสำคัญกับทิศทางขององค์กร
เป็นเรื่องสำคัญว่าจะมีมิศทางไปในทิศทางไหนในอนาคต และคิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้องค์กรมีแนวทางเดินไปข้างหน้าและมีทิศทางในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน
18.ผู้จัดการที่บุคลิกลักษณะเฉพาะตัว
ในการประชุมในห้องอบรมหลักสูตรผู้จัดการอัจริยะ The Super Manager มีผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่มักสอบถามว่าผู้จัดการที่ดีควรเป็นเช่นไร เพื่อจะได้ทำตามหรือเลียนแบบ ไม่ต้องเสียเวลาคิด
โดยลืมไปว่าบุคลิกลักษณะของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป ทำให้แนวทางการบริหารจัดการก็แตกต่างกันออกไปเช่นกัน ซึ่งผู้จัดการอัจฉริยะจะเข้าใจในเรื่องบุคลิกลักษณะที่ชัดเจนในการบริหารจัดการหรือแนวทางการทำงานที่มีรูปแบบที่ชัดเจน เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เจ้านายที่ไร้รูปแบบการทำงาน ไม่อยู่กับร่องกับรอย
ทำให้พนักงานมีความสับสน ถ้าผู้จัดการเป็นเช่นนี้ บอกได้เลยว่างานจะไม่เดินไปข้างหน้าอย่างแน่นอน
19.ผู้จัดการที่มีความยอมรับผู้อื่น
ไม่มีใครเก่งมากที่สุดในการทำงาน พนักงานบางคนเก่วเรื่องหนึ่ง หรือผูจัดการบางคนเก่งอีกเรื่องหนึ่ง
จิตวิทยาการบริหารคนของผู้จัดการอัจฉริยะคือการยอมรับในการทำงานของลูกน้อง ไม่ใช่เป็นผู้จัดการที่ชอบโชว์ผลงานของตนเองว่าทำนั่น ทำนี่ได้ดี หรือปรียบเทียบการทำงานของตนเองกับพนักงานในทีมงาน เช่นเมื่อพนักงานนำงานมาส่ง มักจะบอกว่าตนเองทำได้ดีกว่า
ทำให้ผู้จัดการไม่ฟังในสิ่งที่คนอื่นพูด ในเมื่อผู้จัดการบอกว่าตนเองทำงานได้ดีกว่า พนักงานส่วนใหญ่จึงรอผู้จัดการของเขาเป็นผู้ตัดสินใจทำ ซึ่งทำให้เกิดผลเสีย คือพนักงานไม่ได้ฝึก ไม่มีความก้าวหน้ในงาน
ผู้จัดการอัจฉริยะที่จะให้คำแนะนำคนอื่นและเมื่อเขานำงานมาส่ง ก็จะยอมรับผลงานของพนักงาน เลื่อมใสบุคคลที่มีความสามารถ และที่สำคัญ ผู้จัดการอัจฉริยะต้องแบบอย่างที่ดี ให้กับพนักงานสัมผัสได้ ไม่ใช่เชื่อมั่นเฉพาะตนเองว่ามีแต่ตนเองเท่านั้นที่จะเก่งที่สุด ทำได้ทีที่สุดเท่านั้น
20.ผู้จัดการที่พบประลูกค้าเป็นประจำ
ไม่ว่าคุณจะเป็น ผู้จัดการขั้นต้น หรือ ผู้จัดการระดับกลาง หรือผู้จัดการระดับสูง ก็ตาม หน้าที่ของผู้จัดการคือการเป็นตัวแทนขององค์กรต่อคนข้างนอก หมายถึงว่าในบางครั้งต้องมีการติดต่อลูกค้าหรือหน่วยงานข้างนอก
เพื่อนำเสนองาน หรือการเข้าเยี่ยมลูกค้า ซึ่งข้อดีของการเข้าเยี่ยมลูกค้า คือทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น แต่มีผู้จัดการจำนวนไม่น้อยที่ไม่เยี่ยมลูกค้า ชอบทำงานแต่ในสำนักงาน ส่งให้พนักงานไปเยี่ยมลูกค้า เช่นช่วงเทศกาลก็ไม่มีการไปแสดงความยินดีกับลูกค้า
ผลเสียที่ตามคือองค์กรขาดความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ลูกค้าไม่ต้องการสั่งซื้อสินค้าอีกต่อไป เคยมีลูกชายเจ้าของกิจการแห่งหนึ่ง เข้ามาอบรมหลักสูตร 8 ขั้นตอนการเป็นนักขายมืออาชีพ ได้เล่าให้ฟังว่ามารับช่วงธุรกิจต่อจากคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อเป็นคนที่บุกเบิกธุรกิจ เข้าหาลูกค้า สอบถามความต้องการจากลูกค้า
สร้างความประทับใจให้ลูกค้า ซึ่งเมื่อลูกชายเข้ามาสานต่อธุรกิจของคุณพ่อกลับไม่ออกเยี่ยมลูกค้า ใช้การสั่งการให้ทีมงานลงพื้นที่เยี่ยมเยียนแทน ผลคือยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หลังจากเปลี่ยนแนวทางการทำงาน ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนลูกค้า
ทำให้ทราบถึงปัญหาที่ต้องตัดสินใจ ลูกค้าพึงพอใจ และทำให้ยอดขายดีกว่าเดิมทันที การเป็น หัวหน้างาน 360 องศา จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยการเข้าพบ พูดคุย และยอมรับถึงปัญหาถ้าลูกค้า ถ้ามีการต่อว่าจากลูกค้า ไม่ว่าเรื่องนั้นจะแก้ไขได้หรือไม่ก็ตาม
ผู้จัดการ หรือ ผู้บริหาร คนไหนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ต้องเริ่มกลับมาทบทวนแนวทางในการบริหารของตนเองว่าเป็นไปตาม 20 ข้อเรียกร้องของพนักงานที่มีต่อหัวหน้าของเขาอย่างไรบ้าง
ขอให้ผู้จัดการเข้าใจว่าพนักงานทุกคนมีจิตใจที่ดีอยากให้องค์กรเติบโต แต่ในทางปฏิบัติพนักงานทำอะไรทั้งหมดด้วยตัวเองไม่ได้ จึงต้องมีผู้จัดการคอยบริหาร สั่งการและตัดสินใจให้พวกเขาได้ทำ
คราวนี้ใครก็ตามที่เป็นผู้นำ ผู้บริหาร หรือผู้จัดการลองหันมาสำรวจดูตัวเองว่าเป็นผู้จัดการแบบใด เป็นผู้จัดการทั่วไปหรือเป็นผู้จัดการอัจฉริยะ
โดยการทำความเข้าใจทั้ง 20 ข้อ ว่ามีข้อใดบ้างที่มีแล้ว นำมาใช้แล้ว หรือถ้าไม่มีเลยก็คงต้องปรับเปลี่ยนความคิดทำแบบใหม่ทันที เรียกได้ว่า คิดใหม่ ทำใหม่ ตามแนวทางของ หลักสูตรอบรมผู้จัดการอัจฉริยะ The Super Manager อย่าให้ทุกอย่างสายเกินกว่าจะแก้ไขได้ นะจะบอกให้
10 เทคนิคปลุกพนักงานหมดไฟ ให้ทำงานดีเหมือนเดิม
"พนักงานขายที่หมดไฟ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับมีขอนไม้ผุ ๆ ที่ทำประโยชน์ไมได้ให้องค์กร" 10 เทคนิคปลุกพนักงาน "หมดไฟ" ให้ทำงานดีเหมือนเดิมดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย เชื่อว่าพนักงานทุกคน รวมถึงผู้จัดการเมื่อมาทำงานในวันแรก...
14 คำพูดที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดใน Storytelling
14 คำพูดที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดใน Storytelling เป็น คำพูด ที่ใช้ในการนำเสนอ ด้วยการเล่าเรื่อง Storytelling เพื่อใช้ในการดึง ความสนใจ ในการนำเสนอ ทำให้คนฟัง สนใจ ตั้งใจฟัง และอยากปฏิบัติตาม ตามทำพูดที่ทรงอิทธิพล14 คำพูดที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดใน Storytellingคำที่ 1...
เทคนิค การประเมิน พนักงาน เพื่อให้พนักงาน ยอมรับ
เทคนิค การประเมินพนักงานเพื่อให้พนักงานยอมรับ เป็น แนวทางการพัฒนาทักษะขของผู้จัดการในการประเมินผลงาน ของพนักงาน เพื่อให้พนักงานยอมรับ ผลการประเมินในครั้งนั้น ๆ ซึ่งมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนเทคนิค การประเมินพนักงานเพื่อให้พนักงานยอมรับ3 ประเด็นหลักในการประเมินพนักงาน...
12 เทคนิค บริหารทีมให้ทำงานถึงเป้าหมายด้วยกัน
12 เทคนิค บริหารทีมให้ทำงานถึงเป้าหมายด้วยกัน เป็น การสร้างแรงกระตุ้น ให้พนักงานอยากทำงานให้บรรลุเป้าหมายไปด้วยกัน ทำให้มีความคิดในการทำงานเชิงรุก สร้างความแตกต่างที่โดดเด่นไปจากเดิม12 เทคนิค บริหารทีมให้ทำงานถึงเป้าหมายด้วยกัน12 เทคนิค...
10 เทคนิค การเจรจาต่อรอง ที่ง่าย ทำให้ชนะทุกครั้ง
10 เทคนิค การเจรจาต่อรอง ที่ง่าย ทำให้ชนะทุกครั้ง เป็น เทคนิค ที่ต้องใช้ในการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าจะเป็น พนักงานฝ่ายจัดซื้อ หรือ เป็นพนักงานขาย เป็นการรวบรวมเทคนิควิธีที่จำเป็น เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ ในการเจรจาต่อรองได้ทันที 10 เทคนิค การเจรจาต่อรอง ที่ง่าย...
พนักงานขายต้องเลิก 4 นิสัยนี้ คุณขายได้แน่นอน
พนักงานขายต้องเลิก 4 นิสัยนี้ คุณขายได้แน่นอน เป็น การเข้าใจนิสัยของพนักงานขายที่เป็นจุดอ่อน ทำให้ตนเองไม่สามารถขายได้ทะลุเป้า และถ้าพนักงานขายสามารถแก้ไข 4 นิสัยนี้ ทำให้เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้นพนักงานขายต้องเลิก 4 นิสัยนี้ คุณขายได้แน่นอน1.ทำงานไปวัน ๆ:...
14 เทคนิค ช่วยให้ พนักงาน มีผลงาน เพิ่มขึ้น
เทคนิคช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น เป็น 14 เทคนิคที่ผู้จัดการนำมาใช้ ในการพัฒนาพนักงาน ในทีมงาน เพื่อให้พนักงานทุกคนมีผลงานการทำงานที่ดีขึ้น ทำให้พนักงานมีก้าวหน้า และสร้างผลงานเพื่อทำให้องค์กรเติบโต14 เทคนิคช่วยให้พนักงาน มีผลงานเพิ่มขึ้น14 เทคนิคช่วยให้พนักงาน...
สูตรลับการปั้นยอดขาย
รู้สึกใช่ไหมว่า..ต่อจากนี้ไปการทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ที่เคยขายได้กำไรมาก ก็ไม่กำไรหรืออาจเข้าเข้าเนื้อ ขาดทุนด้วยซ้ำ ใครทำธุรกิจ รู้สึกใช่ไหมว่า..ต่อจากนี้ไปการทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ที่เคยขายได้กำไรมาก ก็ไม่กำไรหรืออาจเข้าเข้าเนื้อ...
เทคนิคปิดการขาย ปิดการขายเป็นเรื่องง่ายเข้าใจ 5 สิ่งนี้
หลายคนอยากปิดการขายให้ได้เร็ว ๆ ลอง 5 สิ่งนี้จะทำให้รู้ว่าการปิดการขายไม่ได้ยากอย่างที่คิด เข้าใจ 5 สิ่งนี้ แล้วจะทำให้การปิดการขายของคุณเป็นเรื่องง่าย ดร.สุรชัย โฆษิตบวรชัย ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ ทุกคนต่างอยากขายได้ ทำเป้าการขายได้ วิธีการที่ดีที่สุด...
วิทยากรมืออาชีพ เปิดเผยความลับ สำหรับคนที่ต้องการเป็นวิทยากรคุณภาพ
วิทยากรคุณภาพเขาจะพิจารณาจากที่ไหนวิทยากรมืออาชีพระดับโลกเขาทำอย่างไรคุณภาพการสอนไม่ใช่เพียงแค่ยืนขึ้นแล้วสอนได้วิทยากรคุณภาพ วิทยากรมืออาชีพ เปิดเผยความลับ สำหรับคนที่ต้องการเป็นวิทยากรคุณภาพเคยสงสัยหรือไม่ว่า...
วิทยากรมืออาชีพ วิทยากรรุ่งเรืองอีกครั้ง หลังวิกฤต COVID19
เมื่อมีวิกฤต ก็ขอให้ตั้งสติ และเตรียมตัวเองที่จะทำภายหลังสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเมือนเดิมเทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ คำแนะนำสำหรับวิทยากร ที่ต้องการกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง หลังวิกฤต...
Train The Trainer คุณค่าของวิทยากร อยู่ที่ 4 สิ่งนี้
คุณค่าของการเป็นวิทยากรคุณภาพนั้นวัดได้จาก 4 ประเด็นหลัก ๆ...
Positive Thinking ความลับ 5 ข้อ ที่ใช้สำรวจว่าคุณเป็นคนคิดลบหรือไม่
หลักง่าย ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในเมื่อต้องอยู่ในสังคมหมู่มากที่ยังคิดลบอยู่และที่สำคัญก็ไม่รู้หลักที่จะเปลี่ยนตนเองอย่างไรให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี เปิดเผยความลับ 5 ข้อ ที่ใช้สำรวจว่าคุณเป็นคนคิดลบหรือไม่...
เทคนิคการคิดเชิงบวก ออกแบบความสุขด้วยวิธีง่ายๆ
การออกแบบความสุขเป็นความจำเป็นขั้นต้นของการสร้างนิสัยการคิดบวกเมื่อเราออกแบบความต้องการที่เราอยากมีความสุขได้ความสุขก็จะค่อยเริ่ม ๆ เกิดขึ้นและเมื่อทำบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย ออกแบบความสุขด้วยวิธีนี้...
Positive Thinking ขจัดทัศนคติลบ ได้ทันที แค่ทำ 8 ข้อนี้
การคิดลบมีแต่ทำให้ชีวิตเศร้างหมอง ใครที่สามารถปรับตนเองให้คิดบวกได้เร็วมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ตนเองนั้น มีแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามา ชีวิตก็จะประสบความสำเร็จ ขจัดทัศนคติลบ ได้ทันที แค่ทำ 8 ข้อนี้ ทุกคนทราบว่าความคิดบวกเป็นสิ่งที่ดีและหลายคนก็อยากที่จะมีความคิดที่เป็นบวก...
Positive Thinking พลิกชีวิตที่ล้มเหลวได้ง่าย ๆ เพียงแค่ทำ2 สิ่งนี้
คนที่ประสบความสำเร็จ ก็คือคนที่มองโลกในแง่ดีหรือคิดบวกวิธีการที่จะเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ มี 2 เรื่อง1.คิดถึงสิ่งที่ตนเองอยากได้อยู่ตลอดเวลา2. คนที่มองโลกในแง่ดีจะมองหาสิ่งดี ๆ พลิกชีวิตที่ล้มเหลวได้ง่าย ๆ เพียงแค่ทำ2...
การคิดเชิงบวก คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ
บางครั้งรู้สึกหรือไม่ว่า ตนเองไม่มีผลงานทำงานไม่ได้ และทำไปก็ทำได้ไม่ดีมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยคิดบวกความคิดบวก จึงเป็นจุดเริ่มของทุกสิ่งที่ต้องการความสำเร็จ ข้อผิดพลาดแบบนี้ ที่ทำให้ คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานนั้น...
การคิดเชิงบวก ปรับความคิดลบง่ายๆ 3 ข้อ
ปรับความคิดลบ ให้เป็นการคิดเชิงบวก 3 แนวทางหลักง่ายๆ1.มองหาสิ่งดีดีของตนเอง2.พูดชื่นชมตนเองในเรื่องดีดี3.สร้างอารมณ์ตลกในจิตใจ คุณจะยิ้มได้กับปัญหาชีวิต เพียงแค่คุณทำสิ่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นปัญหา ย่อมไม่มีใครอยากให้มี โดยเฉพาะปัญหาชีวิต...
3 เคล็ดลับ ที่นักเจรจาต่อรองมืออาชีพ ไม่ยอมบอกคุณมาก่อน
ความได้เปรียบ เสียเปรียบขึ้นกับจำนวนคนในการเจรจาต่อรอง ถ้าคุณอยากเป็นนักเจรจาต่อรองที่เก่ง เช่นเดียวกับนักเจรจาต่อรองมืออาชีพ ก็ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำความเข้าใจกับความลับทั้ง 3 ข้อนี้ ✌️✌️3 เคล็ดลับ ที่นักเจรจาต่อรองมืออาชีพ...
เทคนิคการนำเสนอ เตรียมความคิดก่อนการนำเสนอ
การเตรียมความคิดก่อนการการนำเสนอ 1. น่าสนใจ 2. เก็บรายละเอียด 3. การเตรียมตัว 4. ฝึกหัด อย่าขึ้นนำเสนองานเด็ดขาด ถ้าไม่รู้ 4 ข้อนี้#เทคนิคการนำเสนอ เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ เพราะใครที่สามารถ ยืนขึ้นและ...
ตรงใจมากเลยคะ อยากให้ผู้จัดการได้มาอ่านนะคะ ผู้บริหารหรือผู้จัดการลองอ่านนะคะ หัวหน้าหนูเป็นหลายข้อ แต่เขาไม่ทราบเลยคะ
หลักสูตรอันนี้เป็นหลักสูตรที่ดีสามารถ
เข้าใจได้ง่าย ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการที่จะ
เป็นหัวงานที่มีลูกน้องในความดูและร่วม
งานกับเรา เราควรทำตัวและวางตัว
อย่างไรให้มีความน่าเชื่อถือ และได้รับ
ความเคารพจากลูกน้อง
ชอบทุกหัวข้อมากครับ ผู้จัดการถือเป็นแบบอย่างให้พนักงานทุกคน เพราะถ้ามีผู้จัดการที่ดีทำให้พนักงานถือเป็นแบบอย่างและอยากทำตาม ร่วมงานด้วยบางทีการเป็นผู้จัดการอาจจะลืมบางอย่างไป เช่น การเอาใจใส่ลูกน้องคอยสอบถามบ้าง การศึกษาในเนื้องานปัจจุบันว่าเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ อะไรขึ้นบ้าง เพื่ออัพเดทให้ทันเพื่อจะได้ตอบปัญหาพนักงานได้ เป็นที่พึ่งของกันและกัน 20ข้อนี้ ถ้าเป็นผู้จัดการแล้วอยากให้มาทบทวน 20 ข้อนี้บ่อยๆ ว่าเราขาดอะไรบ้างเพื่อแก้ไขข้อที่ขาดอย่างสม่ำเสมอ
ตรงใจมากค่ะ ไม่มีใครเก่งไปสะทุกอย่าง หรือดีไปทุกเรื่องค่ะ แต่เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจเห็นใจ คนอื่นได้
สรุปประเด็นสำคัญ
1.ความคาดหวังหลักของพนักงาน:
– พนักงานต้องการผู้จัดการที่มี ทักษะการบริหารงานที่ดี และ ความเป็นผู้นำที่แท้จริง
– ความสัมพันธ์ระหว่างผู้จัดการและพนักงานส่งผลโดยตรงต่อ ประสิทธิภาพและผลงานขององค์กร
2.บทบาทสำคัญของผู้จัดการ
– ไม่ใช่แค่ผู้ออกคำสั่ง แต่ต้องเป็น ผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจ และ สนับสนุนการเติบโตของทีม
– ผู้จัดการที่ดีต้อง เรียนรู้จากเสียงสะท้อนของลูกน้อง เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงาน
3. สรุปข้อเรียกร้องหลัก 20 ข้อ
แบ่งเป็น 4 หมวด
– ความสามารถในการบริหารงาน ขยันดูงาน, มีวิสัยทัศน์, ใช้ข้อมูลตัดสินใจได้
– ทักษะการสื่อสาร คำสั่งชัดเจน, ชื่นชมอย่างจริงใจ, อารมณ์ดี
– ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ มาเช้า-กลับดึก, เข้าใจปัญหา, รับผิดชอบต่อผลลัพธ์
– การสร้างบรรยากาศในทีม สร้างแรงจูงใจ, เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค, พบปะลูกค้าสม่ำเสมอ
4.ปัญหาที่มักเกิดขึ้น
– ผู้จัดการบางคนคิดว่าตนมีอำนาจสูงสุด ไม่รับฟังความคิดเห็น ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง
– ขาดความรู้ในเนื้องานจริง ทำให้ไม่สามารถสนับสนุนทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. แนวทางการพัฒนาผู้จัดการ
– เปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะจากทีม
– ฝึกฝนทักษะการบริหาร การสื่อสาร และการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
ด้านทักษะการบริหาร
– ขยันดูงาน และ รู้จริงในเนื้องาน:
– ผู้จัดการไม่ควรอยู่แต่ในห้องทำงาน แต่ควร ลงพื้นที่เพื่อเข้าใจงานอย่างแท้จริง
– การดูงานอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เห็น จุดอ่อน-จุดแข็ง ของทีมและสามารถให้คำแนะนำได้ตรงจุด
วิสัยทัศน์และการคิดเชิงกลยุทธ์
– ผู้จัดการต้องมองเห็น ทิศทางในระยะยาว และวางแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน
– การขาดวิสัยทัศน์จะทำให้ทีมสับสนและขาดแรงจูงใจในการพัฒนา
การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
– การบริหารไม่ควรอิงแค่ ประสบการณ์ส่วนตัว แต่ต้องใช้ข้อมูลและหลักฐาน เพื่อประกอบการตัดสินใจ
– การตัดสินใจแบบ คิดเองเออเอง อาจนำไปสู่ความผิดพลาดที่ส่งผลเสียต่อทั้งทีม
ด้านทักษะการสื่อสาร
– การให้คำสั่งอย่างชัดเจน
– การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนทำให้เกิด ความเข้าใจผิด และ งานผิดพลาด
– ผู้จัดการที่ดีควรใช้การสื่อสารที่ กระชับ ชัดเจน และตรงประเด็น
– การชื่นชมและการให้ Feedback
– คำชื่นชมที่ออกมาจาก ความจริงใจ จะสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน
ในทางกลับกัน คำวิจารณ์เชิงลบควรทำอย่าง สร้างสรรค์และมีจุดประสงค์เพื่อการพัฒนา ไม่ใช่การตำหนิแบบทำลายกำลังใจ
– อารมณ์ดีและสร้างบรรยากาศในการทำงาน:
– ผู้จัดการที่มี ภาวะอารมณ์มั่นคง และมองโลกในแง่ดีจะช่วยลดความตึงเครียดในที่ทำงาน
– บรรยากาศที่เป็นมิตรจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงาน
ด้านภาวะผู้นำ
– การเป็นแบบอย่างที่ดี
– ผู้จัดการที่มาทำงานก่อน-กลับทีหลังไม่ใช่แค่แสดงถึงความขยัน แต่ยังแสดงถึง ความรับผิดชอบและความทุ่มเท
– สิ่งนี้จะสร้าง แรงจูงใจทางจิตใจ ให้พนักงานรู้สึกว่า “หัวหน้ายังทุ่มเท แล้วเราจะยอมแพ้ได้อย่างไร?”
ความรับผิดชอบต่อปัญหา:
– ผู้จัดการที่ดีจะไม่ โยนความผิดให้ทีม แต่จะ รับผิดชอบต่อความล้มเหลว และเรียนรู้จากมัน
– การไม่รับผิดชอบจะทำให้ทีม หมดศรัทธา และไม่พร้อมที่จะสนับสนุน
ด้านการสร้างทีม
– การเข้าใจพฤติกรรมของลูกน้อง
– การบริหารทีมไม่ใช่แค่จัดการงาน แต่ต้องเข้าใจจิตใจของทีมงาน ว่าแต่ละคนมีแรงจูงใจอย่างไร
– การปรับวิธีการบริหารให้เหมาะสมกับ บุคลิกของแต่ละคน จะทำให้ทีมมีความสุขในการทำงานมากขึ้น
สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี:
– การสร้าง วัฒนธรรมที่เน้นการสนับสนุนกันและกัน จะทำให้เกิด ความสามัคคีและความร่วมมือ
เมื่อพนักงานรู้สึกว่า “หัวหน้าเชื่อใจให้ให้การสนับสนุน พวกเขาจะทำงานอย่างเต็มที่
ข้อคิดสำหรับผู้จัดการ
– ความสำเร็จขององค์กร = ความสำเร็จของทีม + ความเป็นผู้นำที่ดี
– การเป็นผู้นำไม่ใช่แค่การ สั่งงาน แต่คือการ สร้างแรงบันดาลใจ สร้างทีม และสร้างความสำเร็จร่วมกัน
– เปิดใจรับฟังลูกน้อง ไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ แต่เพราะเราต้องการเติบโตไปด้วยกัน
การจะก้าวไปเป็นผู้นำที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีความรู้ ทั้งการบริหารงาน และบริหารคน รวมถึงการสื่อสารที่ถูกต้องและชัดเจน
ความสำเร็จขององค์กรไม่ได้อาศัยเพียงคนใดคนนึง ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้จัดการ หรือลูกน้อง ก็ควรเข้าใจบทบาทซึ่งกันและกัน
ช่วยกันทำงานให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
ถ้าคุณคาดหวังให้ผู้จัดการเป็นแบบที่คุณต้องการ คุณก็ควรเป็นลูกน้องแบบที่ผู้จัดการต้องการเช่นกัน
เป็นบทความที่ ทำให้เข้าใจบทบาท และหน้าที่ของการเป็นผู้นำมากขึ้น หัวข้อไหนที่ยังขาดสามารถเอาไปปรับปรุง ปรับใช้
อำนาจมีได้ แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี แก้ปัญหาให้ถูกจุด รวดเร็วเพื่อลดการผิดพลาด ถึงจะได้ทีมที่ก้าวไปพร้อมกัน และได้ใจลูกน้อง
ลูกน้องหลายคนรู้สึกว่าการสื่อสารกับหัวหน้ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะเวลาที่มีปัญหาหรือข้อสงสัยต่าง ๆ พวกเขาอยากให้หัวหน้าเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากขึ้น และรับฟังความคิดเห็นของลูกน้องอย่างจริงใจด้วยค่ะ
..แต่โชคดีที่ได้มาอยู่องค์กรดีๆทั้งผู้บริหารและหัวหน้ายอมรับฟังลูกน้องเข้าใจและใส่ใจในทุกๆ เรื่องของลูกน้องจากใจจริง..และโชคดีสุดๆที่มีเพื่อนร่วมงานในแผนกหรือนอกแผนกที่ดี เข้าใจและพร้อมช่วยเหลือกันทุกเรื่อง
เป็นหลักสูตรที่ดีมาก หน้าที่ของการเป็นผู้นำ ไม่เอาตัวเองไปที่ตั้งหรืออารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง รับฟังแลกเปลี่ยนความคิดกับคนในทีมแล้วแก้ไขปัญหาหน้างานการเป็นผู้จัดการอัจฉริยะนั้นต้องมีทักษะความรู้ความสามารถในเนื้องานที่ทำมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กรและและเข้าอกเข้าใจลูกน้องด้วยซึ่งหากได้เรียนหลักสูตรนี้ไปจะต้องเข้าใจในส่วนของผู้นำมากขึ้นแล้วนำไปปรับใช้หน้างานค่ะ
สรุป 20 ข้อเรียกร้องจากลูกน้องถึงหัวหน้า
ผู้จัดการหรือหัวหน้าที่ลูกน้องต้องการ ต้องมีทั้ง IQ และ EQ
ในส่วนของ IQ ได้แก่ การมีความรู้ ความสามารถ และข้อมูลทุกอย่าง เพื่อที่จะสามารถแนะนำ ให้คำปรึกษา รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับลูกน้องได้
และในส่วนของ EQ ได้แก่ การมีความมั่นคงทางอารมณ์ รวมถึงมีทัศนคติ และบุคลิกภาพที่ดี คือต้องมีความมั่นคงทางอารมณ์ ความนิ่ง ใจเย็น เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจได้ดี เด็ดขาด และจัดการรับมือกับปัญหาได้ดี มีความคิดเชิงบวก อารมณ์ดี และต้องเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดี ยอมรับและชื่นชมในความสามารถของลูกน้อง ต้องมีบุคลิกภาพที่ดี มีความน่าเชื่อถือ และเข้าถึงง่าย
รวมถึงการทำงานเพื่อให้องค์กรเกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เป็นข้อคิดที่ดีครับ สรุปคือเก่งงาน ปกครองเป็น มีน้ำใจ
การที่จะเป็นผู้จัดการอัจฉริยะนั้น ต้องมีทั้งทักษะ ความรู้ความสามารถ ในเนื้องานที่ทำ มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร และมีความเข้าอกเข้าใจต่อลูกน้องด้วย ซึ่งหากได้เรียนรู้จากหลักสูตรนี้ไป และนำไปใช้จริง จะสร้างประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรให้มีความก้าวหน้าทางธุรกิจ สร้างรายได้เข้าบริษัทได้อย่างแน่นอน เพราะการบริหารจัดการคน ไม่ใช่เพียงการออกคำสั่งให้ทำอะไร แต่ต้องมีการวางแผนงาน และจัดสรรคนให้เหมาะกับงานนั้นๆ ซึ่งผู้จัดการต้องเป็นผู้ที่รู้ทั้งงาน รู้ทั้งคนด้วย จึงจะทำให้การทำงานประสบความสำเร็จ และทั้ง 20 ข้อนี้ผู้จัดการอัจฉริยะทุกคนสามารถทำได้ไม่ยากเลยค่ะ
ตรงทุกข้อ ทุกข้อความ การเป็นหัวหน้าหรือผู้นำ ควรนึกถึงใจ และความรู้สึกของลูกน้อง ไม่ใช่การเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ยอมรับ ใจกว้าง และมี้หตุผล รับฟัง แลัรัะรู้ถึงปัญหาของลูกน้อง รวมทั้งการสื่อสาร ที่ไม่ชัดเจนมากพอ
แต่ ณ ตอนนี้ ได้พบ และเจอผู้นำ และ ผู้จัดการ ที่รับฟัง แลกเปลี่ยน ความคิดเห็น พร้อมแก้ไขปัญหาหน้างานทุกอย่างได้ดีมากค่ะ
เป็นหลักสูตรที่อ่านเเล้ว ทำให้เข้าใจ
บทบาทและหน้าที่ของการเป็นผู้จัดการมากขึ้น หัวข้อบางหัวข้อสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ และไม่ใช่แค่ในมุมของผู้จัดการสามารถนำไปใช้ในมุมของเพื่อนร่วมทีมได้อีกด้วย
หลักสูตรอันนี้เป็นหลักสูตรที่ดีสามารถ
เข้าใจได้ง่าย ทำให้ได้เรียนรู้ว่าการที่จะ
เป็นหัวงานที่มีลูกน้องในความดูและร่วม
งานกับเรา เราควรทำตัวและวางตัว
อย่างไรให้มีความน่าเชื่อถือ
การเป็นผู้จัดการที่ดี ต้องมีทัศนคติที่ดี ความรับผิดชอบ ความรู้พื้นฐานเข้าใจในงาน ทุ่มเทในงานพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ต้องจัดการกับปัญหาได้ ต้องชัดเจน มั่นใจในคำตอบ รู้จักใช้คำพูด อารมณ์ดี คิดบวก และที่สำคัญ ตอ้งเข้าใจทีมอละเพื่อนร่วมงาน รับฟังและสามารถแก้ปัญหาได้
สรุปสิ่งที่ได้จากบทความ
1.ต้องเป็นผู้นำที่เข้าถึงง่าย อารมณ์ดี เป็นกันเอง สนใจใส่ใจส่องส่องดูพนักงานในทีม
2.ให้ความรู้ สอนงานเข้าใจ ให้คำแนะนำ ชี้แนะ แก้ไขปัญหา และชื่นชมพนักงานด้วยความจริงใจ
3.เป็นแบบอย่างที่ดี มีความรู้จริงในเนื้อหา มีเหตุมีผล ตัดสินใจบนหลักการ อ้างอิงข้อมูล มีการวางแผนงาน มีการเตรียมรับมือการทำงาน หาวีธีเตรียมรับแก้ไขปัญหาล่วงหน้า
การเป็นหัวหน้าที่ดี ต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้าง ใจไม่แคบ
คุณสมบัติการเป็นหัวหน้า ควรที่จะ มีความเป็นผู้นำ ใจกว้าง เอาใจใส่ มีความรับผิดชอบต่อทีมและงาน เข้าใจพื้นฐานในการทำงาน สามารถส่งต่อความรู้ได้
ทุกข้อถูกต้องค่ะ การเป็นหัวหน้าที่ดี ผู้จัดการที่ดี ควรมี 20 ข้อนี่ หรือแค่ 60-70% ทำได้ถือว่าดีมากๆเลยค่ะ
และการเรียนหลักสูตรนี้ทำให้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของหัวหน้างานได้ดีมากจริงๆ และสามารถนำไปปรับปรุงในการทำงานได้จริงด้วยเช้่นกันค่ะ
การจะเป็นผู้นำ ไม่ใช่ใครจะเป็นก็ได้ หรือไม่ใช่ ใคร จะไม่เป็นก็ได้ แต่การจัดการคนยากกว่าการจัดการเอกสารซึ่งเรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า มันทำแบบไหนทำได้ไหม ชอบทุกหัวข้อเลยค่ะ เพราะคิดว่า เราทุกคนสามารถ เป็นผู้นำได้ สามารถควบคุมคนได้ ด้วยความเข้าใจเขาที่เป็น เขา เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถือว่าดีที่สุด
สรุปข้อคาดหวังที่ลูกน้องมีต่อหัวหน้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมงานและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเน้นที่ผู้จัดการที่ขยันมีวิสัยทัศน์ เข้าใจปัญหาและข้อมูล มีความสามารถในการสื่อสารและการทำงานร่วมกับลูกน้องอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การมองเห็นอนาคตขององค์กร การสร้างบรรยากาศทำงานที่ดี และการมีอารมณ์ดี โดยทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมสร้างความศรัทธาและความร่วมมือจากทีมงานได้ดีขึ้น
การเป็นหัวหน้าที่ดี ต้องมีความใจกว้าง และมองเห็นทุกๆความเห็น และฟีตแบคกลับได้กับลูกน้อง
เป็นการสรุปความต้องการของลูกน้องที่ต้องการจากหัวหน้างาน ซึ่งจะเป็นผู้นำที่จะช่วยให้ทำงานได้สำเร็จ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือหัวหน้าที่ดีต้องเป็นคนเก่ง มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถเข้าใจในงานและปัญหา นอกจากนี้หัวหน้าที่ดียังต้องสามารถสื่อสารได้ชัดเจน ทำให้ลูกน้องเข้าใจได้ง่าย สอนงานได้ ลดความผิดพลาดจากการสื่อสาร และสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือเรื่องบรรยากาศในการทำงาน
ดังนั้นหัวหน้าที่อารมณ์ดีก็มีส่วนช่วยในบรรยากาศการทำงาน ให้พนักงานเต็มใจและอยากมาทำงานได้
– การเป็นผู้นำที่ดีจะต้องมีหน้าที่เน้นการสร้างทีม สร้างคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในทีม ศึกษาและทำความเข้าใจพฤติกรรมของทีมงาน เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพ – การสร้างวินัย ตรงต่อเวลา เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่ดีให้กับองค์กร
– เข้าใจและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
– แสดงความรับผิดชอบในการตัดสินใจ
– สื่อสารที่ชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย
– การบริหารทีมเพื่อให้งานนั้นบรรลุตามเป้าหมาย
-กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ มีความรับผิดชอบในการกระทำ
-เน้นความสำเร็จของทีมงาน
-การนำข้อมูลมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจ
-นำประสบการณ์ในการทำงานมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาและสามารถให้คำแนะนำได้
– การตรวจงานหรือสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงให้คำแนะนำการแก้ไขปัญหา
-การเป็นผู้นำที่ดี พัฒนาศักยภาพอยู่เสมอ
-การสร้างบรรรยากาศที่ดีในการทำงาน
-กำหนดทิศทาง และวิสัยทัศน์เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัท
-เคารพและให้เกียรติผู้อื่น
-สร้างความไว้วางใจและการแสดงออก
เป็นการรวบรวมและสรุปข้อมูลของหัวหน้าที่ลูกน้องอยากเจอหรืออยากทำงานด้วย และเป็นแนวทางให้หัวหน้าได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อนำไปปฎิบัติและแก้ไขในสิ่งที่ตนยังไม่มี หรือมีอยู่แล้วแต่ปรับให้ดีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผลลัพธ์ในการทำงานออกมาดี บรรยากาศในการทำงานก็ดี การทำงานเป็นทีมก็ราบลื่น ผลลัพธ์ในการทำงานก็จะออกมาดี
สิ่งที่ได้รับจากเนื้อหา 20 ข้อเรียกร้องจากลูกน้องถึงหัวหน้า
ความสำเร็จของหัวหน้าขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับทีม การเอาใจใส่ ความรู้ ความสามารถ และการคิดวิเคราะห์สื่อความ
ลูกน้องต้องการคือ
-หัวหน้าที่เข้าใจงาน มีความรู้ และใส่ใจการทำงานของทีม ควรมีวิสัยทัศน์ มองอนาคตขององค์กร และนำทีมอย่างมีเป้าหมาย
-หัวหน้าควรต้องสื่อสารชัดเจน เปิดรับฟังความคิดเห็นของลูกน้อง ควรเข้าถึงง่าย ไม่อยู่แต่ในห้อง และพร้อมให้คำแนะนำ
– การชมเชยด้วยความจริงใจ ช่วยสร้างแรงจูงใจ
– บุคลิกหัวหน้าที่เป็นแบบอย่างคือ ขยัน อารมณ์ดี รู้จักใช้ข้อมูลตัดสินใจ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ผลงานออกมามีคุณภาพมากขึ้น
-ลูกน้องไม่ได้ต้องการหัวหน้าสมบูรณ์แบบ แต่ต้องการหัวหน้าที่ ตั้งใจและพัฒนา
หัวหน้าต้องมีความเอาใจใส่งาน และลูกน้องในทีม ้เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้อง มีเหตุมีผล ไม่ใช้อารมณ์มาตัดสินในทุกเรื่อง รู้จริงในเนื้องานและปัญหา
การจะเป็นผู้นำ หรือหัวหน้างานที่ดี
จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง มีความจริงใจ มีเหตุผล เข้าถึงง่าย รับฟัง และให้คำแนะนำที่ดี ควบคุมอารมณ์ได้ดี
พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
ผู้จัดการต้องขยันใส่ใจในการทำงานลูกทีม
มีวิสัยทัศน์ รู้จริงถึงปัญหาและแนวทางแก้ไข
มีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน ลูกน้องสามารถเข้าถึงได้ง่าย มีคำสั่งชัดเจน สร้างบรรยากาศในการทำงานให้ดีอยู่เสมอ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ชื่นชมอย่างจริงใจ มีวิสัยทัศน์มองถึงอนาคตขององค์กร
ชอบหัวข้อผู้จัดการที่เข้าใจหลักการสอนที่สุด
หัวหน้าควรจะเป็นผู้สอนที่ดี เพื่อให้ทีมได้มีความเข้าใจในเนื้องานและปฏิบัติได้ถูกต้อง
คนในทีมก็เรียนรู้งานได้พฒนาตนเอง ส่วนหัวหน้างานก็ได้แบ่งเวลาไปทำหน้าอื่นๆ
การเป็นหัวหน้าที่ดีนั้น จะต้องมีทั้งทักษะ ความรู้ในเนื้องานที่ทำ มีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร และมีความเข้าใจในตัวลูกน้อง ซึ่งการบริหารจัดการคน ควรมีการวางแผนงาน และจัดสรรคนให้เหมาะกับงานนั้นๆด้วย โดยไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสิน
จากบทความ สามารถสรุปได้ว่าการเป็นหัวหน้างานที่ดี ต้องประกอบด้วย 2 ด้าน คือ technical skill และ soft skill ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ต้องมีประกอบกันอย่างลงตัวจึงจะส่งเสริมให้คุณสมบัติการเป็นหัวหน้ามีประสิทธิภาพ
หัวหน้าที่ลูกน้องอยากทำงานด้วย ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่ขอให้ชัดเจนเรื่องเป้าหมายและสื่อสารตรงไปตรงมา ไม่ใช่ปล่อยให้เดาใจ หรือทำไปแบบไม่รู้ทิศทาง เวลาลูกน้องเจอปัญหา แค่อยู่ข้าง ๆ พร้อมช่วยคิด ไม่ทิ้งให้ลอยแพก็มีความหมายมากแล้ว ความยุติธรรมคืออีกสิ่งที่สำคัญ หัวหน้าที่แฟร์กับทุกคน ให้เกียรติกันเสมอ ไม่ลำเอียง ใคร ๆ ก็อยากอยู่ด้วย และถ้าให้โอกาส ได้ลองทำ ได้เติบโตบ้าง ไม่ปิดกั้น แค่นี้ก็สร้างแรงใจได้เยอะ เวลาหัวหน้าตั้งใจฟังจริง ๆ โดยไม่ตัดสินหรือพูดแทรก มันทำให้รู้สึกว่าเสียงของเรา “มีค่า” และหัวหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ แค่ทำให้เห็นว่าสิ่งดี ๆ มันเป็นไปได้ ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ตามได้แล้ว สุดท้าย คือการมองเห็นข้อดีในตัวลูกน้อง แม้เป็นแค่คำชมเล็ก ๆ หรือรอยยิ้ม ก็เปลี่ยนวันที่เหนื่อยให้กลายเป็นวันที่รู้สึกดีได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย
ในการเป็นผู้จัดการอัจฉริยะ ไม่ใช่แค่ต้องเก่งเรื่องงาน แต่ต้องเก่งเรื่องคนด้วย เพราะพนักงานจะทำงานได้ดี ต้องรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องเป้าหมาย วิธีทำงาน และการพัฒนาไปข้างหน้า ผู้จัดการจึงต้องช่วยให้ทุกคนโฟกัสกับเป้าหมาย เห็นคุณค่าของบทบาทตัวเอง และรู้สึกว่ามีใครบางคนคอยติดตาม ช่วยเหลือ และเชื่อมั่นในศักยภาพของเขา หัวใจสำคัญคือการสื่อสารที่ดี การให้ข้อมูลย้อนกลับอย่างจริงใจ การให้รางวัลที่เหมาะสม และการสร้างบรรยากาศทำงานที่เป็นทีม พร้อมทั้งมองหาทางออกใหม่ ๆ เพื่อให้งานง่ายขึ้นและประสบความสำเร็จร่วมกัน การฉลองความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยสร้างแรงใจที่ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าที่คิด
สรุปสิ่งที่ได้จากบทความ
1.ต้องเป็นผู้นำที่เข้าถึงง่าย อารมณ์ดี เป็นกันเอง สนใจใส่ใจส่องส่องดูพนักงานในทีม
2.ให้ความรู้ สอนงานเข้าใจ ให้คำแนะนำ ชี้แนะ แก้ไขปัญหา และชื่นชมพนักงานด้วยความจริงใจ
3.เป็นแบบอย่างที่ดี มีความรู้จริงในเนื้อหา มีเหตุมีผล ตัดสินใจบนหลักการ อ้างอิงข้อมูล มีการวางแผนงาน มีการเตรียมรับมือการทำงาน หาวีธีเตรียมรับแก้ไขปัญหาล่วงหน้า
สรุปสิ่งที่ได้จากบทความ
1.ต้องเป็นผู้นำที่เข้าถึงง่าย อารมณ์ดี เป็นกันเอง สนใจใส่ใจส่องส่องดูพนักงานในทีม
2.ให้ความรู้ สอนงานเข้าใจ ให้คำแนะนำ ชี้แนะ แก้ไขปัญหา และชื่นชมพนักงานด้วยความจริงใจ
3.เป็นแบบอย่างที่ดี มีความรู้จริงในเนื้อหา มีเหตุมีผล ตัดสินใจบนหลักการ อ้างอิงข้อมูล มีการวางแผนงาน มีการเตรียมรับมือการทำงาน หาวีธีเตรียมรับแก้ไขปัญหาล่วงหน้า
-พัฒนามากกว่าควบคุม
โค้ช เสริมแรง ปล่อยให้เติบโต
-ให้ feedback บ่อยๆ
สื่อสาร แนะนำ ชม ชี่จุดปรับ อย่างสม่ำเสมอ
-มองงานแบบเจ้าของไม่ใช่แค่พนักงาน
-กล้าตัดสินใจ กล้ารับผิดชอบ
ประเมินข้อมูล ฟันธง รับผลของการตัดสินใจ
-เชื่อในศักยภาพของทีม
ไม่มองว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง แต่มองว่าใครมีโอกาสเก่งขึ้น และเราจะช่วยผลักดันเขาอย่างไร
-สื่อสารให้เข้าใจ
-นำด้วยพลังบวกไม่ใช่ความกลัว
ใช้แรงจูงใจ + ไว้ใจ แทนการบังคับ เพราะเขาจะทุ่มเทให้กับหัวหน้าที่เข้ารู้สึกปลอดภัยไม่ใช่หัวหน้าที่เขากลัว
การเป็นผู้จัดการที่ประสบความสำเร็จนั้น
ไม่ใช่แค่เก่งเรื่องเนื้องานอย่างเดียวหรือ มีผลงานเด่นเท่านั้น แต่ต้องอาศัยองค์อื่นๆ เช่น ทัศนคติ วินัย อารมณ์ วางแผน การตัดสินใจ ความรับผิดชอบ การจัดการทีม การมองไปข้างหน้า อื่นๆอีกมากที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอด เพื่อพัฒนาองค์กรให้มีการทำงานที่ประสิทธิภาพและบริษัทรวมถึงตัวเองได้เติบโตและประสบความสำเร็จ
จากบทความการเป็นความหน้างานที่ดีได้ และถ้าทำได้ก็จะกลายเป็นทีมที่ดี
-การสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใส แจ้งเป้าหมาย ความคาดหวัง และข้อเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา
-ฟีดแบ็กอย่างสม่ำเสมอให้คำชมเมื่อทำได้ดี และข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์เมื่อควรปรับปรุง
-ความยุติธรรมในการประเมินผลงานใช้เกณฑ์ที่ชัดเจน ไม่ลำเอียง ไม่แบ่งพรรคพวก
-โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาเปิดโอกาสเข้าร่วมอบรม สัมมนา หรือมอบหมายงานใหม่ ๆ ให้ลองทำ
-การมอบอำนาจ ไว้ใจให้ตัดสินใจในขอบเขตที่เหมาะสม โดยไม่ควบคุมถี่จนเกินไป
-การจัดสรรภาระงานอย่างสมดุลไม่ยัดเยียดงานให้ใครคนใดคนหนึ่งจนเกินไป
-ความรับฟังและเอาใจใส่เปิดโอกาสให้ลูกน้องแสดงความเห็น รับฟังปัญหา และพยายามแก้ไข
-สร้างบรรยากาศทำงานเป็นทีมสนับสนุนกิจกรรมกลุ่ม ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเพื่อนร่วมงาน
-การยอมรับความล้มเหลวเป็นบทเรียนไม่ตัดสินโทษทันทีเมื่อเกิดข้อผิดพลาด แต่ให้โอกาสเรียนรู้และแก้ไข
-การตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ให้เป้าหมายที่ช่วยให้พัฒนาตัวเอง แต่ไม่เกินกำลัง
-ความชัดเจนเรื่องแนวทางเติบโตในสายอาชีพบอกว่าเลื่อนขั้นอย่างไร มีเกณฑ์อะไรบ้าง
-สวัสดิการและผลตอบแทนที่เหมาะสมเงินเดือน โบนัส หรือสวัสดิการอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับภาระงาน
-การจัดการประชุมที่มีประสิทธิภาพกำหนดวาระ จบตามเวลา และหลีกเลี่ยงประชุมซ้ำซ้อน
-สนับสนุนให้มีความสมดุลชีวิต-การทำงานไม่กดดันให้ OT จนเกินควร ให้เคารพเวลาพักผ่อนของพนักงาน
-สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างยินดีรับไอเดียใหม่ ๆ จากทุกคน ไม่ว่าตำแหน่งใด
-มองเห็นและให้เครดิตผลงานยกย่องเมื่อทีมบรรลุเป้าหมาย และให้ชื่อเสียงต่อสาธารณะ
ถ้าทำได้ทั้งหัวหน้าและลูกน้องก็จะมีความสุขในการทำงานและจะทำให้องค์กรเจริญเติบโต